นายกรัฐมนตรี เผย ขณะนี้ยังมีชาวอุยกูร์ในไทยอีก 50 คน ไม่นับผู้ลี้ภัยอีก 1.4 แสน ที่ต้องดูแล ใครว่าอะไรวันข้างหน้าคงเข้าใจ ชี้ ที่ผ่านมาเจอเรื่องแบบนี้มาตลอด อีกทั้งอยู่ตรงกลางดูกฎหมายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เผย สมช. บินไปจีนพุธนี้ คงมีความก้าวหน้ากลับมา แจงทางการจีนร้องขอส่งกลับ เพราะมีคดี วอนนานาประเทศดูแลสถานทูตไทย - คนไทย
วันนี้ (13 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรัฐมนตรี (คสช.) เปิดเผยว่า วันนี้ยังมีชาวอุยกูร์เหลืออยู่ในประเทศไทยอีกประมาณ 50 กว่าคน ตอนนี้ยังไม่มีเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งเราต้องดูแลไปก่อน ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่าการทำงานที่ผ่านมาเราพยายามทำอย่างดีที่สุด ขอให้เข้าใจรัฐบาล ไม่ได้ทำเพราะถูกใครกดดันทั้งสิ้น และตนก็ไม่อยากให้เราถูกดดันโดยใครทั้งสิ้น แต่หากจำเป็นต้องตัดสินใจก็ต้องตัดสินใจเพื่อประเทศไทย และเพื่อสิทธิมนุษยชน ดังนั้น ต้องดูอะไรคือ หลักการที่ต้องทำ ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบใด ๆ กับใครทั้งสิ้น ใครจะว่าอะไรเรา วันข้างหน้าก็คงจะเข้าใจ ซึ่งที่ผ่านมา เราก็เผชิญสถานการณ์อย่างนี้มาโดยตลอด เพราะเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลาง ต้องดูเรื่องกฎหมาย เรื่องความสำคัญระหว่างประเทศ และเรื่องอะไรต่าง ๆ ด้วย และเราไม่ใช่ศัตรูกับใครทั้งสิ้น โดยจะเห็นได้ว่าเราดูแลทั้งสองประเทศอยู่แล้วที่จะส่งไป ติดอยู่ตรงประเด็นที่ว่า ถ้ามีคดีอยู่ก็จะไม่เข้าเคสเรื่องการอพยพ ซึ่งก็ต้องดูกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันพุธที่ 15 ก.ค. เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะเป็นผู้แทนเดินทางไปประเทศจีน เพื่อดูว่าทางการจีนดูแลชาวอุยกูร์ที่ไทยส่งกลับไปอย่างไร เดี๋ยวคงจะมีความก้าวหน้ากลับมา ทั้งนี้ เพื่อให้เขายืนยันในสิ่งที่ได้ประกาศและรับรองไว้กับรัฐบาลไทยว่าจะดูแลอย่างไร ต่อผู้ที่มีคดีความ หรือมีคดีน้อยหรือไม่มีคดีก็ปล่อยทั้งหมด หาที่อยู่ที่กินให้ แต่หากมีคดีก็อยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ฉะนั้น อย่าพูดกันไปเกินเลยว่าจะถูกลงโทษอย่างนั้นอย่างนี้ ถือเป็นเรื่องของรัฐบาลจีน ซึ่งเรื่องอย่างนี้มีตั้งแต่สมัยอพยพม้งลาวที่ จ.เพชรบูรณ์ หลังจากไปดูวันนี้ก็อยู่สงบเรียบร้อยดี ตอนแรก ๆ ก็โดนเหมือนกัน เรื่องผู้อพยพหรือหลบหนีเข้ามาไทยเราต้องดู ประเทศเราจะแบกภาระได้แค่ไหน และขั้นตอนการอพยพกฎหมายว่าอย่างไร ต้องมองหลายประเด็นแต่ท้ายที่สุดไม่ต้องการให้ใครเดือนร้อน หรือถูกทำร้าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับไปจีน เกิดจากความสมัครใจใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นความสมัครใจของผู้ที่จะส่งกลับ นั่นคือ การส่งกลับผู้อพยพ หรือผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบ วันนี้ยังค้างอยู่อีก 140,000 คน นั้นคือ บุคคลที่จะต้องส่ง เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วก็ยังไปไหนไม่ได้ นั้นแหล่ะเขาจะกำหนดเป็น People Of Concern (บุคคลในความห่วงของ UNHCR) และก็ต้องไปหาประเทศที่ยอมรับ และวันนี้ก็ยังไม่มีประเทศไหนรับไป วันนี้เท่ากับมี 140,000 คน บวก 50 คน ซึ่งสถานที่รองรับก็เต็มไปหมดแล้ว วันนี้ต้องเข้าใจว่า ชาวอุยกร์ เข้ามาในประเทศไทยอย่างไร เข้ามาแบบนี้ก็ถือว่าผิดกฎหมายหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งเราก็ดำเนินการตามขั้นตอน เราเคารพในสิทธิมนุษยชน ก็ช่วยลดความกดดันกันหน่อย ไม่ได้ทำเพื่อใคร ทำเพื่อตัวเองหรือเปล่า ทำเพื่อคุณหรือเปล่า ก็ทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศนั้นแหล่ะ ตนพูดเสมอว่า ประเทศไทยทำหน้าที่เพื่อประเทศ ทำเพื่ออาเซียน และประชาคมโลก นั้นคือ หน้าที่ต่อมนุษยชนชาติ แต่จะทำด้วยความรู้สึกไม่ได้ ต้องใช้กฎหมายและหลักการที่มีอยู่
เมื่อถามว่า ชาวอุยกร์ที่ถูกส่งกลับจีนมีคดีก่อการร้ายของจีนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทางการจีนมีคดีความแจ้งมา มีความผิดต้องสงสัยตรงนั้นตรงนี้ ไม่ใช่ก่อการร้ายอะไร เมื่อเขาเข้ามาไทย คนเหล่านี้ก็ต้องถูกควบคุมตัวในฐานะผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ต้องอยู่ในสถานที่ควบคุมระหว่างนั้นก็ดำเนินการฟ้องศาลตามกระบวนการยุติธรรม โดยทั้งทางการจีนและทางการตุรกีก็ขอให้เราส่งตัวกลับไปทั้งคู่ ฉะนั้น เราก็ต้องดูเรื่องพื้นฐานสัญชาติ เกิดที่ไหน มีความผิดหรือไม่ ถ้าไม่มีความผิดก็ส่งไปตุรกี ซึ่งส่งไปก่อนหน้านี้แล้ว และส่งไปเยอะกว่าที่ส่งไปจีน แสดงให้เห็นความจริงใจของเรา ซึ่งเราไม่ได้รังเกียจใครแต่ก็ต้องเคารพกติกาคนอื่นเขาบ้าง
“วันนี้เราต้องดูแลสถานทูตทุกประเทศในประเทศไทยด้วย ดังนั้น ฝากทุกประเทศต้องดูแลสถานที่ของไทยด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม มันเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และต้องขอบคุณทางตุรกี ญี่ปุ่น เยอรมนี ที่ดูแลสถานทูตไทยอย่างดี ต้องแยกแยะให้ออกอะไรคือประเด็นความขัดแย้ง อะไรคือประเด็นความไม่เข้าใจ แต่สิ่งสำคัญทุกประเทศต้องดูแลคนที่ไปอาศัยอยู่ในประเทศนั้น รวมถึงเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ เหมือนเราดูแลทุกสถานทูตในประเทศไทยในวันนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว