พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรัฐมนตรี(คสช.) เปิดเผยว่า วันนี้ยังมีชาวอุยกูร์ เหลืออยู่ในประเทศไทยอีกประมาณ 50 กว่าคน ยังไม่มีเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งเราต้องดูแลไปก่อน ต้องเข้าใจว่า การทำงานที่ผ่านมาเราพยายามทำอย่างดีที่สุด ขอให้เข้าใจรัฐบาล ไม่ได้ทำเพราะถูกใครกดดันทั้งสิ้น และตนก็ไม่อยากให้เราถูกดดันโดยใครทั้งสิ้น แต่หากจำเป็นต้องตัดสินใจ ก็ต้องตัดสินใจเพื่อประเทศไทย และเพื่อสิทธิมนุษยชน ดังนั้นต้องดูอะไร คือหลักการที่ต้องทำ ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบใดๆ กับใครทั้งสิ้น ใครจะว่าอะไรเรา วันหน้าก็คงจะเข้าใจซึ่งที่ผ่านมา เราก็เผชิญสถานการณ์อย่างนี้มาโดยตลอด เพราะเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลาง ต้องดูเรื่องกฎหมาย เรื่องความสำคัญระหว่างประเทศ และเรื่องอะไรต่างๆ ด้วยและเราไม่ใช่ศัตรูกับใครทั้งสิ้น โดยจะเห็นได้ว่าเราดูแลทั้งสองประเทศอยู่แล้วที่จะส่งไป ติดอยู่ตรงประเด็นที่ว่า ถ้ามีคดีอยู่ ก็จะไม่เข้าเคสเรื่องการอพยพ ซึ่งก็ต้องดูกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันพุธที่ 15 ก.ค. เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะเป็นผู้แทนเดินทางไปประเทศจีน เพื่อดูว่าทางการจีนดูแลชาวอุยกูร์ ที่ไทยส่งกลับไปอย่างไร เดี๋ยวคงจะมีความก้าวหน้ากลับมา ทั้งนี้เพื่อให้เขายืนยันในสิ่งที่ได้ประกาศ และรับรองไว้กับรัฐบาลไทยว่า จะดูแลอย่างไร ต่อผู้ที่มีคดีความ หรือมีคดีน้อย หรือไม่มีคดี ก็ปล่อยทั้งหมด หาที่อยู่ที่กินให้ แต่หากมีคดี ก็อยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ฉะนั้นอย่าพูดกันไปเกินเลยว่า จะถูกลงโทษอย่างนั้น อย่างนี้ ถือเป็นเรื่องของรัฐบาลจีน ซึ่งเรื่องอย่างนี้มีตั้งแต่สมัยอพยพม้งลาว ที่ จ.เพชรบูรณ์ หลังจากไปดูวันนี้ก็อยู่สงบเรียบร้อยดี ตอนแรกๆ ก็โดนเหมือนกัน เรื่องผู้อพยพ หรือหลบหนีเข้ามาไทยเราต้องดู ประเทศเราจะแบกภาระได้แค่ไหน และขั้นตอนการอพยพกฎหมายว่าอย่างไร ต้องมองหลายประเด็นแต่ท้ายที่สุดไม่ต้องการให้ใครเดือนร้อน หรือถูกทำร้าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ชาวอุยกูร์ ที่ถูกส่งตัวกลับไปจีน เกิดจากความสมัครใจ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นความสมัครใจของผู้ที่จะส่งกลับ นั่นคือ การส่งกลับผู้อพยพ หรือผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบ วันนี้ยังค้างอยู่อีก 140,000 คน นั้นคือ บุคคลที่จะต้องส่ง เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ก็ยังไปไหนไม่ได้ นั้นแหล่ะเขาจะกำหนดเป็น People Of Concern (บุคคลในความห่วงของ UNHCR) และก็ต้องไปหาประเทศที่ยอมรับ และวันนี้ก็ยังไม่มีประเทศไหนรับไป วันนี้เท่ากับมี 140,000 คน บวก 50 คน ซึ่งสถานที่รองรับก็เต็มไปหมดแล้ว วันนี้ต้องเข้าใจว่า ชาวอุยกร์ เข้ามาในประเทศไทยอย่างไร เข้ามาแบบนี้ก็ถือว่าผิดกฎหมายหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งเราก็ดำเนินการตามขั้นตอน เราเคารพในสิทธิมนุษยชน ก็ช่วยลดความกดดันกันหน่อย ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ ตนพูดเสมอว่า ประเทศไทยทำหน้าที่เพื่อประเทศ ทำเพื่ออาเซียน และประชาคมโลก นั้นคือหน้าที่ต่อมนุษยชนชาติ แต่จะทำด้วยความรู้สึกไม่ได้ ต้องใช้กฎหมาย และหลักการที่มีอยู่
เมื่อถามว่าชาวอุยกร์ ที่ถูกส่งกลับจีน มีคดีก่อการร้ายของจีน ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทางการจีนมีคดีความแจ้งมา มีความผิดต้องสงสัยตรงนั้น ตรงนี้ ไม่ใช่ก่อการร้ายอะไร เมื่อเขาเข้ามาไทย คนเหล่านี้ก็ต้องถูกควบคุมตัวในฐานะผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ต้องอยู่ในสถานที่ควบคุมระหว่างนั้น ก็ดำเนินการฟ้องศาลตามกระบวนการยุติธรรม โดยทั้งทางการจีน และทางการตุรกี ก็ขอให้เราส่งตัวกลับไปทั้งคู่ ฉะนั้นเราก็ต้องดูเรื่องพื้นฐานสัญชาติ เกิดที่ไหน มีความผิดหรือไม่ ถ้าไม่มีความผิด ก็ส่งไปตุรกี ซึ่งส่งไปก่อนหน้านี้แล้ว และส่งไปเยอะกว่าที่ส่งไปจีน แสดงให้เห็นความ จริงใจของเรา ซึ่งเราไม่ได้รังเกียจใคร แต่ก็ต้องเคารพกติกาคนอื่นเขาบ้าง
" วันนี้เราต้องดูแลสถานทูตทุกประเทศในประเทศไทยด้วย ดังนั้น ฝากทุกประเทศต้องดูแลสถานที่ของไทยด้วยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม มันเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และต้องขอบคุณทางตุรกี ญี่ปุ่น เยอรมัน ที่ดูแลสถานทูตไทยอย่างดี ต้องแยกแยะให้ออกอะไรคือ ประเด็นความขัดแย้ง อะไรคือ ประเด็นความไม่เข้าใจ แต่สิ่งสำคัญทุกประเทศต้องดูแลคนที่ไปอาศัยอยู่ในประเทศนั้น รวมถึงเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ เหมือนเราดูแลทุกสถานทูตในประเทศไทยในวันนี้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
** จี้นายกฯเร่งปรับครม.โดนเฉพาะ ตปท.
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ทบทวนเรื่องการปรับครม.ได้แล้ว เช่น กระทรวงที่เป็นเป้าถูกโจมตีในการทำงานคือ กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งตามหลัก รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร จะให้พลเรือนเป็น รมว.การต่างประเทศ แต่รัฐบาลนี้ก็เอาทหารมาเป็น เมื่อเราตกเป็นเป้าโจมตี ตั้งแต่เรื่องโรฮีนจา ตนไม่เคยเห็น รมว.การต่างประเทศ มีบทบาทเด่นในการแก้ไข มีแต่นายกฯ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ที่มีบทบาทในการแก้ไข หรือแม้แต่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมฯ (พม.) ที่เป็น อดีต ผบ.ตร. ก็ไร้บทบาทในการแก้ไขปัญหานี้เท่าที่ควร จนล่าสุด กรณีมุสลิมอุยร์กู รมว.ต่างประเทศ ก็ไม่มีบทบาทเรื่องนี้ ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่มาก และกระทบภาพลักษณ์ของชาติ ซึ่งเรื่องใหญ่ จำเป็นที่ รมว.การต่างประเทศ ต้องออกมาชี้แจง หรือทำความเข้าใจต่อนานาชาติ เพราะถือว่าเป็นเรื่องหน้าตาของประเทศ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันพุธที่ 15 ก.ค. เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะเป็นผู้แทนเดินทางไปประเทศจีน เพื่อดูว่าทางการจีนดูแลชาวอุยกูร์ ที่ไทยส่งกลับไปอย่างไร เดี๋ยวคงจะมีความก้าวหน้ากลับมา ทั้งนี้เพื่อให้เขายืนยันในสิ่งที่ได้ประกาศ และรับรองไว้กับรัฐบาลไทยว่า จะดูแลอย่างไร ต่อผู้ที่มีคดีความ หรือมีคดีน้อย หรือไม่มีคดี ก็ปล่อยทั้งหมด หาที่อยู่ที่กินให้ แต่หากมีคดี ก็อยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ฉะนั้นอย่าพูดกันไปเกินเลยว่า จะถูกลงโทษอย่างนั้น อย่างนี้ ถือเป็นเรื่องของรัฐบาลจีน ซึ่งเรื่องอย่างนี้มีตั้งแต่สมัยอพยพม้งลาว ที่ จ.เพชรบูรณ์ หลังจากไปดูวันนี้ก็อยู่สงบเรียบร้อยดี ตอนแรกๆ ก็โดนเหมือนกัน เรื่องผู้อพยพ หรือหลบหนีเข้ามาไทยเราต้องดู ประเทศเราจะแบกภาระได้แค่ไหน และขั้นตอนการอพยพกฎหมายว่าอย่างไร ต้องมองหลายประเด็นแต่ท้ายที่สุดไม่ต้องการให้ใครเดือนร้อน หรือถูกทำร้าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ชาวอุยกูร์ ที่ถูกส่งตัวกลับไปจีน เกิดจากความสมัครใจ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นความสมัครใจของผู้ที่จะส่งกลับ นั่นคือ การส่งกลับผู้อพยพ หรือผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบ วันนี้ยังค้างอยู่อีก 140,000 คน นั้นคือ บุคคลที่จะต้องส่ง เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ก็ยังไปไหนไม่ได้ นั้นแหล่ะเขาจะกำหนดเป็น People Of Concern (บุคคลในความห่วงของ UNHCR) และก็ต้องไปหาประเทศที่ยอมรับ และวันนี้ก็ยังไม่มีประเทศไหนรับไป วันนี้เท่ากับมี 140,000 คน บวก 50 คน ซึ่งสถานที่รองรับก็เต็มไปหมดแล้ว วันนี้ต้องเข้าใจว่า ชาวอุยกร์ เข้ามาในประเทศไทยอย่างไร เข้ามาแบบนี้ก็ถือว่าผิดกฎหมายหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งเราก็ดำเนินการตามขั้นตอน เราเคารพในสิทธิมนุษยชน ก็ช่วยลดความกดดันกันหน่อย ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ ตนพูดเสมอว่า ประเทศไทยทำหน้าที่เพื่อประเทศ ทำเพื่ออาเซียน และประชาคมโลก นั้นคือหน้าที่ต่อมนุษยชนชาติ แต่จะทำด้วยความรู้สึกไม่ได้ ต้องใช้กฎหมาย และหลักการที่มีอยู่
เมื่อถามว่าชาวอุยกร์ ที่ถูกส่งกลับจีน มีคดีก่อการร้ายของจีน ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทางการจีนมีคดีความแจ้งมา มีความผิดต้องสงสัยตรงนั้น ตรงนี้ ไม่ใช่ก่อการร้ายอะไร เมื่อเขาเข้ามาไทย คนเหล่านี้ก็ต้องถูกควบคุมตัวในฐานะผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ต้องอยู่ในสถานที่ควบคุมระหว่างนั้น ก็ดำเนินการฟ้องศาลตามกระบวนการยุติธรรม โดยทั้งทางการจีน และทางการตุรกี ก็ขอให้เราส่งตัวกลับไปทั้งคู่ ฉะนั้นเราก็ต้องดูเรื่องพื้นฐานสัญชาติ เกิดที่ไหน มีความผิดหรือไม่ ถ้าไม่มีความผิด ก็ส่งไปตุรกี ซึ่งส่งไปก่อนหน้านี้แล้ว และส่งไปเยอะกว่าที่ส่งไปจีน แสดงให้เห็นความ จริงใจของเรา ซึ่งเราไม่ได้รังเกียจใคร แต่ก็ต้องเคารพกติกาคนอื่นเขาบ้าง
" วันนี้เราต้องดูแลสถานทูตทุกประเทศในประเทศไทยด้วย ดังนั้น ฝากทุกประเทศต้องดูแลสถานที่ของไทยด้วยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม มันเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และต้องขอบคุณทางตุรกี ญี่ปุ่น เยอรมัน ที่ดูแลสถานทูตไทยอย่างดี ต้องแยกแยะให้ออกอะไรคือ ประเด็นความขัดแย้ง อะไรคือ ประเด็นความไม่เข้าใจ แต่สิ่งสำคัญทุกประเทศต้องดูแลคนที่ไปอาศัยอยู่ในประเทศนั้น รวมถึงเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ เหมือนเราดูแลทุกสถานทูตในประเทศไทยในวันนี้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
** จี้นายกฯเร่งปรับครม.โดนเฉพาะ ตปท.
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ทบทวนเรื่องการปรับครม.ได้แล้ว เช่น กระทรวงที่เป็นเป้าถูกโจมตีในการทำงานคือ กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งตามหลัก รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร จะให้พลเรือนเป็น รมว.การต่างประเทศ แต่รัฐบาลนี้ก็เอาทหารมาเป็น เมื่อเราตกเป็นเป้าโจมตี ตั้งแต่เรื่องโรฮีนจา ตนไม่เคยเห็น รมว.การต่างประเทศ มีบทบาทเด่นในการแก้ไข มีแต่นายกฯ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ที่มีบทบาทในการแก้ไข หรือแม้แต่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมฯ (พม.) ที่เป็น อดีต ผบ.ตร. ก็ไร้บทบาทในการแก้ไขปัญหานี้เท่าที่ควร จนล่าสุด กรณีมุสลิมอุยร์กู รมว.ต่างประเทศ ก็ไม่มีบทบาทเรื่องนี้ ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่มาก และกระทบภาพลักษณ์ของชาติ ซึ่งเรื่องใหญ่ จำเป็นที่ รมว.การต่างประเทศ ต้องออกมาชี้แจง หรือทำความเข้าใจต่อนานาชาติ เพราะถือว่าเป็นเรื่องหน้าตาของประเทศ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแล้ว