รองนายกฯ เผยยังจับกระแสท่าที สปช.ต่อร่าง รธน.ไม่ได้ รับสัญญาณดี กมธ.ยกร่างฯ ยอมปรับแก้ แต่อาจไม่ใช่การถอย ย้ำโอเพนลิสต์มีจุดอ่อน ชี้ถึงมีกลุ่มการเมืองก็หนีไม่พ้นนายทุนครอบงำ เหตุไทยเป็นนอมินี ขอให้เกียรติ สปช. อย่าเพิ่งถามถึงสภาขับเคลื่อนปฏิรูป ปัดคนเก่าวิ่งเต้น แจงประชามติเลือกตรงนายกฯ พูดมานาน แต่ กมธ.ยกร่างฯ ไม่รับ ไม่ทราบกลัวอะไร รับไม่หนุน ย้อนมีชาติไหนทำบ้าง
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มีการปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของฝ่ายต่างๆ จะทำให้ท่าทีของ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่บอกว่าจะคว่ำร่างดีขึ้นหรือไม่ ขณะนี้ยังจับกระแสอะไรไม่ได้ เนื่องจากความชัดเจนของ กมธ.ยกร่างฯ ยังไม่มากพอ มีการถอยไปหลายจุดแล้ว พอถึงเวลาคงต้องเอาร่างออกมาให้ดูกัน ตนทราบแบบไม่เป็นทางการเลยไม่แน่ใจว่ามีการแก้อะไรไปถึงไหน และการปรับแก้ถือเป็นสัญญาณที่ดี หลังจากฟังเสียงของฝ่ายต่างๆ เขาก็มีการปรับอะไรบางอย่าง อาจสรุปสั้นๆ ว่าถอย แต่ถ้าดูเนื้อหาอาจไม่ใช่การถอย เช่น ย้ายจากบทถาวรไปอยู่ในบทเฉพาะกาล
เมื่อถามถึงระบบเลือกตั้งแบบโอเพนลิสต์เหมาะกับการเมืองไทยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ถึงกับไม่เหมาะหรือคัดค้าน แต่ในทางปฏิบัติอาจทำให้เกิดจุดอ่อนขึ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ท้วงติงไป เพราะเราไม่ต้องการให้คนที่ลงเลือกตั้งแบบปาร์ตี้ลิสต์ไปหาเสียงแข่งกันเองในบัญชี อีกทั้งการปรับแก้ให้บัญชีรายชื่อเหลือบัญชีเดียวทั่วประเทศเหมือนสมัยก่อนแทนหกบัญชีนั้นจะยิ่งทำให้การเลือกตั้งแบบโอเพนลิสต์ยากขึ้นด้วย ส่วนที่ กมธ.ยกร่างฯ นำระบบโอเพนลิสต์ไปเขียนไว้ในบทเฉพาะกาล แสดงว่าผู้ร่างยังเห็นผลดีของระบบดังกล่าว เพียงแต่ไม่นำมาใช้ในการเลือกตั้งครั้งแรกที่จะมีขึ้น ไปใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป กว่าจะได้ใช้คงอีกนาน และเปิดโอกาสให้คนที่จะเข้ามาต่อจากนี้ปรับแก้ได้
นายวิษณุกล่าวต่อถึงกรณี กมธ.ยกร่างฯ ตัดโอกาสให้กลุ่มการเมืองลงสมัครเลือกตั้งออกไปว่า เท่าที่ดูไม่มีเสียงสนับสนุนและมีข้อเสียมากเขาจึงยอมรับในส่วนนี้ แต่ก็ต้องมีการแก้กฎหมายลูกให้การจัดตั้งพรรคการเมืองง่ายขึ้นจนใกล้เคียงกลุ่มการเมือง ซึ่งโดยหลักการจะเปิดโอกาสกลุ่มการเมืองหรือไม่แต่การตั้งพรรคการเมืองควรที่จะง่ายอยู่แล้ว เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงว่าไม่ให้นักการเมืองเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุน จะป้องกันได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ที่จริงก็ป้องกันได้ กติกาหลายข้อก็พยายามป้องกัน การที่เขาไปคิดเรื่องกลุ่มการเมือง เพราะเขาต้องการจะหนี แต่ว่าคนทั่วไปแม้กระทั้งตนก็เห็นว่ามันหนีไม่พ้น เพราะเมืองไทยไม่เหมือนเมืองนอก เมืองนอกที่ตั้งกลุ่มการเมือง เช่น เยอรมนี เขาตั้งเพื่อให้เกิดกลุ่มที่เกี่ยวกับสังคม แต่เมืองไทยเป็นนอมินี สุดท้ายถ้าไปตั้งกลุ่มการเมือง ยิ่งทำให้นายทุนเข้าไปครอบงำได้ หรือครอบงำพรรคในรูปแบบครอบงำกลุ่มการเมือง ตามแบบนอกรูปแบบ สุดท้ายทั้งหมดก็กลายเป็นมุ้งเล็กในมุ้งใหญ่ แต่ก็มีหลายวิธีที่จะกันเรื่องครอบงำได้
เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้ได้สภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมปี 57 บ้างแล้วหรือยัง นายวิษณุกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นคนตั้ง ตนไม่เป็นคนตั้ง จึงไม่มีสิทธิ์ไปเสนออะไรทั้งนั้น วันนี้ไม่มีใครคิดเรื่องเหล่านี้ ให้เกียรติสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) บ้าง เขายังอยู่ บ้านก็ยังอยู่ คนก็ยังอยู่ นี่เตรียมจะไปรื้อบ้านสร้างใหม่แล้วหาคนไปอยู่แทนแล้ว เซ้งบ้านตั้งแต่คนเก่าอยู่ไม่ได้ เมื่อถามว่า ตอนนี้คนเก่ามีวิ่งเต้นบ้างหรือไม่ นายวิษณุตอบว่าไม่มี เพราะเขาไม่รู้จะวิ่งกับใคร และไม่รู้จะวิ่งทำไม
นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง (สพม.) เสนอทำประชามติถามประชาชนต้องการให้เลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรงว่า ไม่ว่ากัน เสนอมาได้ทั้งนั้น สามารถทำได้ ไม่ต้องไปผ่านสภาใดสภาหนึ่ง หาก สปช.และสนช.ยอมรับ ตนพูดมาตั้งหลายครั้งแล้ว เอาเข้าจริงต้องมีคนตั้งคำถามแต่ละสภา และโหวตกันว่าคำถามไหนชนะเลิศ ถ้าตนอยู่สภาตนก็ขอตั้งบ้าง และประกวดกันว่าของใครเก๋กว่าเพื่อน ชนะเลิศ เพราะยอมให้เสนอมาได้แค่ข้อเดียว ไม่แปลกอะไร ถึงแม้จะไม่มีเรื่องคำถามในการตั้งประชามติ ซึ่งการเลือกตั้งนายกฯ โดยตรงพูดกันมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีการทำประชามติเลย กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเขาก็ไม่รับ เมื่อถามว่ากลัวอะไร นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบว่ากลัวอะไร
“ระบบการเลือกตั้งนายกฯ โดยตรงมีข้อเสียอยู่ไม่น้อย แม้จะมีข้อดีอยู่บ้าง ในส่วนของผมเองก็ไม่เห็นด้วย ความที่เราไม่เคยมีเอาเป็นว่าการเลือกตั้งนายกฯ โดยตรง ประเทศไหนในโลกเคยทำบ้าง ไปหามาให้ได้ 1 ประเทศ จากเกือบ 200 ประเทศที่มีในโลก ซึ่งมีอยู่ประเทศหนึ่งคืออิสราเอล แต่ตอนนี้ยกเลิกใช้แล้ว ลองมาได้ 3-4 ปีก็ประกาศยกเลิกเพราะมันมีข้อเสีย แล้วตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีเลยสักประเทศ มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแล้วแหละ และการเลือกตั้งนายกฯ โดยตรง ก็ไม่ใช่เป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดี คนละอันกัน เมื่อมันไม่เคยมีก็อย่ามี ถ้าจะมีก็ได้ ประเทศไทยจะได้เป็นประเทศแรกที่ลงกินเนสส์บุ๊ก แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา เพราะสมัยหนึ่งตนก็เคยคิดไว้ว่ามันดี แต่ตอนนี้ข้อเสียมันมากกว่าข้อดี” นายวิษณุกล่าว
นายวิษณุกล่าวว่า เมื่อเราคิดถึงสภาพสังคมแต่ละประเทศ การปกครองก็ดี รัฐธรรมนูญก็ดี มันต้องคำนึงถึงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ชีวิตจิตใจของคน วิถีชีวิตต่างๆ ถ้ามันสวนทางกันมันก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ส่วนธรรมเนียมปฏิบัติในต่างประเทศนั้น มันเป็นตัวประกอบตัวหนึ่ง แต่การที่เขาไม่เคยมี มันก็ต้องแปลว่าแปลก เขาฉลาดกว่าเราตั้งเยอะ ทำไมเขาไม่คิด