ผ่าประเด็นร้อน
วันที่ 24 มิถุนายน ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญอีกครั้งหนึ่งสำหรับกลุ่มต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ รัฐบาล เพราะนี่คือวันที่ “คณะราษฎร์” ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี 2475 หลังจากก่อนหน้านี้ก็พยายามจะฉวยโอกาสเอาวันที่ 14 ตุลาคม วันที่ 6 ตุลาคม รวมไปถึงการเคลื่อนไหวในวันครบรอบ 1 ปีของการรัฐประหารของ คสช. ก็ทำมาแล้วอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าที่ผ่านมามัน “จุดไม่ขึ้น” และทุกครั้งก็มักใช้พวกนักศึกษาเด็กๆ ออกนอกหน้าอยู่ตลอดเวลา โดยพวกหัวหงอกหัวดำตัวเอ้ทั้งหลายไม่กล้าออกหน้า
แต่เกมแบบนี้ในระบบการเมืองยุคใหม่ที่สังคมผ่านประสบการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองมาอย่างยาวนานคนส่วนใหญ่ย่อมรู้ทันว่าคนพวกนี้ล้วนผูกพันและเป็นแนวร่วมเดียวกันกับระบอบทักษิณ หรือ ทักษิณ ชินวัตร เป็นการเคลื่อนไหวที่เชื่อมโยงไปกับ “ขบวนการล้มเจ้า” ที่ฝังตัวอยู่ในมหาวิทยาลัยต่างๆ มานาน
ขณะเดียวกัน เมื่อหันมาพิจารณาทางฝ่ายรัฐ ฝ่ายความมั่นคงก็ต้องบอกว่ามีการเตรียมการรับมือกันอย่างดีไม่น้อย เมื่อดูจากการเลื่อนวันรายงานตัวของกลุ่มนักศึกษาดาวดินที่ถูกออกหมายจับ จากเดิมที่กำหนดในวันที่ 24 มิถุนายน โดยให้เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 25 มิถุนายนแทน เพราะรู้ดีว่าหากให้มีการรายงานในวันดังกล่าวก็จะถูกนำไปขยายผลบิดเบือน “สร้างกระแส” ให้บานปลายได้ตลอดเวลา ดังที่ได้เห็นการประกาศของบรรดานักศึกษาพวกนี้ที่ท้าทายให้จับ ไม่ยอมมอบตัวหรือรายงานตัวเป็นอันขาด
นอกเหนือจากนี้ ก็ต้องจับตาการเคลื่อนไหวจากภายนอกที่กระหนาบเข้ามา นั่นคือ กลุ่มองค์กรนิรโทษกรรมสากล ที่มีสำนักงานในสหรัฐอเมริกา ที่เชิญชวนคนทั่วโลกให้เขียนจดหมายมากดดันรัฐบาลไทย กดดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยใช้คำว่า"ให้หยุดคุกคาม"นักศึกษากลุ่มนี้ทันที โดยอ้างว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ดังนั้น ถ้าจะบอกว่านี่คือเกมที่มีการวางแผนกันมาล่วงหน้าประสานกันทั้งในและนอกประเทศ ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากท่าทีของสถานทูตสหรัฐอเมริกาในประเทศไทยจากกรณี “จงใจ” จ่าหน้าซองในบัตรเชิญไปถึง ปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ ที่ระบุว่า เป็นฝ่ายต่อต้าน ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งลักษณะเหยียดหยาม และ “ปกป้องลูกน้อง” คือ ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง ทุกอย่างเมื่อพิจารณากันอย่างรอบด้าน ล้วน “เป็นเรื่องเดียวกัน” ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรซับซ้อนนอกจากเป็นเรื่องของ “ผลประโยชน์” เท่านั้น เพียงแค่ว่า “ฝ่ายโน้น” เขาให้มากกว่าเท่านั้นเอง
แน่นอนว่า ในวันที่ 24 มิถุนายน สำหรับฝ่ายรัฐบาลและคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติย่อมต้องรู้สึกซีเรียสไม่น้อยโดยเฉพาะต้องรับมือกับ “แผนน้ำผึ้งหยดเดียว” ล่อให้เกิดความรุนแรง หรือล่อให้จับกุมสร้างกระแสละเมิดสิทธิมนุษยชนขึ้นมา แต่ก็เชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงที่ติดตามความเคลื่อนไหวแบบนี้มาอย่างต่อเนื่องคงจะมีวิธีการผ่อนหนักผ่อนเบาได้ดี คงไม่ถลำเข้าไปติดกับง่ายๆ
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากกระแสอารมณ์ของชาวบ้านรอบข้างเวลานี้ยังไม่มีความรู้สึกร่วมกับเด็กๆ พวกนี้ และยังรู้สึกรำคาญกับพวกไร้เดียงสาที่ฝันไปกับโลกในอุดมคติตามวัยที่ไม่เคยมีอยู่จริงในช่วงวัยนักศึกษาช่วงสั้นๆ เท่านั้น
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตากัน ก็คือ ฝ่ายรัฐจะเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นมาดัวกล่าวได้ดีแค่ไหน ยังสามารถรักษาครัทธาจากชาวบ้านได้ดี ที่สำคัญ อย่าสร้างเงื่อนไขทำลายศรัทธาให้ลดลงไปแบบฮวบฮาบก็แล้วกัน ดังที่เห็นได้จากท่าทีที่ไม่ชัดเจนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. ต่อเรื่องการเปิดบ่อน และก่อนหน้านี้ เรื่องการถอดยศ ทักษิณ ชินวัตร ที่เคยทำขึงขัง แต่พอผ่านไปก็เงียบเสียงลง กรณีแบบนี้ต้องมีความชัดเจน อย่าทำให้คลุมเครือเป็นอันขาด เพราะจะเป็นการทำลายศรัทธาเก่าๆ ลงไปเรื่อยๆ ขณะที่กระแสความศรัทธาใหม่เริ่มหาได้ยาก เพราะคงผ่านช่วงฟีเวอร์ไปแล้ว
ดังนั้น นาทีนี้หากบอกว่าช่วงวันที่ 24 มิถุนายน เป็นช่วงที่น่าจับตามองกันอีกครั้งหนึ่ง แม้จะไม่ถือว่าเป็นช่วงอันตราย แต่ก็ประมาทไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะสามารถเข้าใจสถานการณ์ยั่วยุได้มากน้อยเพียงใด เพราะงานนี้มีแต่เสมอตัวกับติดลบเท่านั้น ที่สำคัญงานนี้ยังมีมหาอำนาจจอมแส่เข้ามาผสมโรงอีกด้วย !!