ศึกน้ำลาย หลังเหตุบึ้มสุราษฎร์ฯ

ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การวางระเบิดในรถยนต์บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล เกาะสมุย ในเวลาไล่เลี่ยกับเหตุเพลิงไหม้ร้านสหกรณ์โค-ออป สุราษฎร์ธานี เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็นับเป็นการกระทำที่ท้าทายต่ออำนาจของรัฐบาลทหาร ที่เพิ่งประกาศใช้มาตรการตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ แทนกฎอัยการศึกที่ประกาศยกไปเมื่อไม่นานมานี้

จนถึงขณะนี้ เวลาผ่านไปเกือบ 1 สัปดาห์ แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถระบุตัวผู้อยู่เบื้องหลังเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ได้ นั่นเพราะความซับซ้อนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ยิ่งเมื่อพบว่ารถยนต์ที่ใช้ประกอบเป็นคาร์บอมบ์ถูกขโมยมาจากจังหวัดยะลา ก็ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เหตุความรุนแรงครั้งนี้จะเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่

ถ้าใช่ ก็จะมีคำถามต่อไปอีกว่า ทำไมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจึงออกจากพื้นที่แล้วเดินทางข้ามหลายจังหวัดมาก่อเหตุถึงสุราษฎร์ธานี แล้วจะได้อะไรจากการก่อเหตุครั้งนี้

ขณะเดียวกันก็มีข้อสังเกตว่า การใช้รถยนต์ที่ขโมยมาจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นเพื่อตัดตอนไม่ให้สาวถึงไอ้โม่งตัวจริงหรือไม่ นั่นเพราะการข้ามมาก่อเหตุถึงสุราษฎรณ์กลุ่มแบ่งแยกดินแดนจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย นอกเสียแนวร่วมเพราะทำให้ประชาชนตกใจกลัวและเศรษฐกิจเสียหาย

เหตุเขย่าขวัญรับสงกรานต์ครั้งนี้ จะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไรก็แล้วแต่ ที่แน่ๆ หลังเกิดเหตุการณ์ วันรุ่งขึ้นก็มีสงครามปากระหว่างสองขั้วการเมืองคู่อริเกิดขึ้นที

ยิ่งเมื่อมีการโพสต์ฺข้อความในเฟซบุ๊กของ นายนรินทร์ อ่ำหนองบัว หรือ “เอ็ม เสื้อแดง” แนวร่วม นปช.ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับเหตุระเบิด ในทำนองว่า “คืนนี้จัดหนักที่สุราษฎร์ ใครจะร่วมมือบ้าง เอาให้มันฉิบหายไปเลย” พร้อมข้อความต่อต้านรัฐประหาร และ “เกลียดพวกสลิ่ม”

ฝ่ายคนเสื้อแดงที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีเป็นนายใหญ่ จึงถูกตั้งข้อสงสัยอย่างช่วยไม่ได้

แม้ในเวลาต่อมา หลังจากถูกทหารควบคุมตัวไปสอบปากคำ “เอ็ม เสื้อแดง” ได้อ้างว่าไม่ใช่คนโพสต์ข้อความเอง หรือแกนนำเสื้อแดงบางคนจะอ้างว่าโพสต์ไปเพราะความมันในอารมณ์เท่านั้น ไม่ใช่คนลงมือก่อเหตุจริงๆ แต่เมื่อเชื่อมโยงกับพฤติกรรมของคนเสื้อแดงในเหตุการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ กรณีการวางระเบิดศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งผู้ลงมือเป็นแนวร่วม นปช.รับสภาพว่าถูกจ้างวาน และมีแผนการก่อความรุนแรงพร้อมๆ กันถึง 100 จุด ก็ทำให้ฝ่ายระบอบทักษิณและบริวารไม่อาจรอพ้นจากการถูกตั้งข้อสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดรับสงกรานต์ที่เกาะสมุยได้

วันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) จึงโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เป้าหมายของการก่อวินาศกรรมมักจะเป็นกลุ่มคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับขบวนการที่เบื้องหน้าอ้างประชาธิปไตย แต่ภายในผสมไปด้วยขบวนการล้มเจ้า แบ่งแยกประเทศ นั่นคือฝ่ายคนเสื้อแดงนั่นเอง ซึ่งได้ก่อเหตุลักษณะนี้มาตั้งแต่ปี 2552 ต่อเนื่องมาจนถึงเหตุระเบิดที่ศาลอาญา ส่วนที่ จ.สุราษฎร์ธานี กำลังพิสูจน์ความเชื่อมโยง

โฆษก กปปส.ระบุอีกว่า ขอบอกตรงๆ ว่าถ้าจะทำแบบนี้เพื่อข่มขู่ถ้าทายการประกาศกฎอัยการศึก หรือมาตรา 44 อ้างว่าถูกปิดกั้นการใช้สิทธิหรือถูกนานาชาติดูแคลน ถ้าจะใช้สิทธิ์ด้วยการเข่นฆ่าปาระเบิดอย่ามาทำในประเทศนี้ ตนเข้าใจความรู้สึกของคนที่รู้สึกอึดอัดกับการประกาศกฎหมายพิเศษ แต่ขอประณามพวกที่พยายามใช้ความรุนแรงจัดการปัญหา

ขณะที่ พระสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส.ซึ่งบวชอยู่ที่วัดสวนโมกข์ จ.สุราษฎร์ธานี ได้ระบุว่า ขอให้คนที่คิดร้ายกับบ้านเมืองหยุดได้แล้ว อย่าเห็นแก่เงินเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นค่าจ้างที่จอมบงการในต่างประเทศใช้เงินบงการจากพวกเราทำร้ายคนไทยกันเอง
ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุว่า จากรายงานเบื้องต้นมีแนวโน้มที่น่าเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่ลอบวางระเบิดในกรุงเทพมหานคร เมื่อเจ้าหน้าที่กวดขันจึงพยายามหาเหตุไปสร้างสถานการณ์ในต่างพื้นที่

พล.ต.สรรเสริญยังให้สัมภาษณ์ในวันต่อมาว่า หลักฐานจากการสืบสวนขยายผล และจากการสอบสวนผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องซึ่งเชิญตัวมาให้ปากคำ ทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าเป็นกลุ่มผู้ที่เกี่ยวโยงกับกลุ่มอำนาจเก่าที่เคยก่อเหตุในกรุงเทพฯ แต่มีการพยายามสร้างภาพว่าเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นของผู้ก่อเหตุ แต่เจ้าหน้าที่มีหลักฐานค่อนข้างชัด จึงทำให้ประเด็นนี้มีน้ำหนักน้อยมาก ซึ่งรัฐบาลไม่หลงประเด็น

รองโฆษกรัฐบาลยังระบุด้วยว่า ลักษณะวิธีการปล้นรถมีความแตกต่างจากเหตุการณ์จริงที่มักจะเกิดขึ้นในพื้นที่ ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์ที่คนร้ายใช้มัดและควบคุมตัวผู้ขับรถก่อนจะขโมยรถหลบหนีไปก็มีความเกี่ยวเนื่องกับสภาพแวดล้อมใกล้ชิดกับเจ้าของรถ จนน่าเชื่อได้ว่าบุคคลแวดล้อมน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับผู้ก่อเหตุ

ด้าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ.ฐานะเลขาฯ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวยืนยันหลายครั้งว่า เหตุการณ์ที่เกาะสมุยไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ว่า ได้ให้น้ำหนักกับประเด็นทางการเมืองมากกว่าประเด็นอื่น เนื่องจากมีหลักฐานที่บ่งบอกว่ามีกลุ่มการเมืองให้การสนับสนุนผู้ก่อเหตุ

เมื่อเค้าร่างของรูปคดีส่อว่าจะเป็นเรื่องทางการเมือง โดยมีกลุ่มอำนาจเก่าอยู่เบื้องหลัง ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีก็ร้อนตัวขึ้นมาทันที ทวิตข้อความเหน็บแนมพระสุเทพว่า “ถึงพระสุเทพ เราหยุดมานานแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด ท่านบอกท่านบวชแล้ว 9 เดือน อย่าบวชแต่กาย เพียงนุ่งผ้าเหลืองและโกนหัวเท่านั้น ควรเอาใจไปบวชด้วย เพราะท่านมุสาเป็นประจำ นึกว่านุ่งผ้าเหลืองแล้วจะเลิกมุสา เรารู้จักกันดีพอนะ”

เช่นเดียวกับลิ่วล้ออย่าง นพ.เหวง โตจิราการ นายวรชัย เหมะ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด และลูกชายหังแก้งหัวแหวนอย่างนายพานทองแท้ ชินวัตร

ขณะที่พระสุเทพไม่ได้ตอบโต้กลับ โดยกล่าวเพียงว่า อาตมาเป็นพระ ปฏิบัติธรรม ไม่ยุ่งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเรื่องของใคร ไม่เกี่ยวกับพระ

ศึกน้ำลายระหว่างสองฝ่ายอาจจะยุติลงชั่วขณะ แต่สิ่งที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องรีบทำให้เกิดความกระจ่างโดยเร็ว คือการเปิดโฉมหน้าไอ้โม่งผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เขย่าขวัญรับสงกรานต์ครั้งนี้ออกมาให้ได้ภายในไม่ช้านี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้ประชาชน และตัดไฟความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องตามมาอีก