ผ่าประเด็นร้อน
หากสังเกตให้ดีระยะหลังจะมีการพูดถึงเรื่องการปรองดอง นิรโทษกรรมกันขึ้นมาแบบหนาหูอีกรอบ จนทำให้เกิดความหวาดระแวงขึ้นมาอีก เพราะยังมีประสบการณ์ในอดีตตามมาหลอกหลอนซ้ำอีกว่าจะมีการ “หมกเม็ด” แอบลบล้างความผิดกันแบบ “สุดซอย” แบบที่คิดตบตาช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นจากความผิดทุกคดี แล้วพ่วงเอาบรรดานักการเมืองขี้ฉ้อทั้งหลายให้พ้นผิดกันแบบเหมาเข่งกันไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าย่อมสร้างความไม่พอใจกับสังคมที่รักความยุติธรรม ทนไม่ได้กับพวกอภิสิทธิ์ชนเอาเปรียบสังคม จึงต้องออกมาขับไล่กันแบบมืดฟ้ามัวดินอย่างที่เคยเห็นกันอยู่
ขณะเดียวกัน ในระยะหลังก็มีเสียงเน้นย้ำจากรัฐบาล และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่กล่าวถึง “ความขัดแย้ง” ในบ้านเมืองขึ้นมาซ้ำๆ หลายครั้ง ความหมายก็คือ “ยังคิดว่าประชาชนทะเลาะกัน มีความขัดแย้งกัน” ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องของการทำผิดกฎหมาย แต่กลับไม่ถูกลงโทษ เพราะคนที่ทำผิดดังกล่าวเป็นคนในสังกัดของนักการเมืองในฝ่ายรัฐบาล อยู่ในเครือข่ายข้าราชการที่ฝักใฝ่การเมืองเป็นพวกเดียวกัน หากพูดกันแบบไม่อ้อมค้อมก็ล้วนเป็นเครือข่ายของ “ระบอบทักษิณ” คนของครอบครัวของ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น
ขณะที่เมื่อหันมาพิจารณาความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายที่ออกมาต่อต้านฝ่ายแรก ก็ด้วยเหตุผลง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ก็คือ เป็นเพราะรัฐบาลไม่ดำเนินการกับคนทำผิดกฎหมาย เพราะคนพวกนั้นเป็นพวกเดียวกัน เป็นลูกน้องของตัวเอง ซึ่งได้สั่งการให้ไปทำในเรื่องที่ไม่บังควรเหล่านั้น
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่มักย้ำอยู่ตลอดเวลาว่าประชาชนมีความขัดแย้งกันจนทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปไม่ได้ แต่เมื่อพิจารณาในความเป็นจริงคนที่ทำผิดกฎหมายและถูกจับกุมได้ หากนับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่ คสช. เข้ายึดอำนาจเป็นต้นมา ก็มีการจับกุมเครือข่ายก่อการร้ายในความหมาย “ชายชุดดำ” จับกุมอาวุธสงครามมากมายก่ายกองเป็นระยะ ล่าสุด เพิ่งจับกุมผู้ก่อการร้ายที่วางระเบิดศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อค่ำวันที่ 7 มีนาคม จนมีการขยายผลเป็นเครือข่ายร่วม 20 คน ทั้งในและต่างประเทศ
ที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ เมื่อสอบสวนขยายผลออกไปจะพบว่าคนพวกนี้ก็เป็นเครือข่ายเดียวกันกับพวกที่ทำผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 112 หมิ่นสถาบันเบื้องสูง เป็นพวก “ขบวนการล้มเจ้า” ทั้งสิ้น
ผลจากการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงฯครั้งที่ 1 ที่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อติดตามคดีความมั่นคงฯและคดีหมิ่นสถาบันฯ โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นประธาน โดยในที่ประชุมมีการแบ่งงานกันทำงานและติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับและกำลังหลบหนีอยู่ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการติดตามคนเหล่านี้กันอย่างจริงจัง
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณารายชื่อทั้งหมดก็ล้วนเป็นคนในอดีตรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนในพรรคเพื่อไทย บางคนเป็นถึงหัวหน้าพรรคก็มี ดังนั้น หากพูดถึงความขัดแย้งมันก็ย่อมมีคำตอบชัดเจนแล้วว่ามีแต่คนพวกนี้เท่านั้นแหละเป็นต้นเหตุ และที่ผ่านมา รัฐบาล และเจ้าหน้าที่ไม่สนใจก็เพราะเป็นพวกเดียวกันคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังนั่นเอง
ดังนั้น หากรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะแก้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง ก็เพียงแค่ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นำคนทำผิดมาลงโทษเท่านั้น บ้านเมืองก็ไม่มีความขัดแย้ง สงบเรียบร้อยตามที่ทุกคนต้องการแล้ว
สำหรับรายชื่อบุคคลที่เข้าข่ายอยู่ในบัญชี 30 คน ที่ถูกออกหมายจับในคดีหมิ่นสถาบัน มาตรา 112 ที่เคลื่อนไหวและหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ได้แก่ 1. ตั้ง อาชีวะ หรือ นายเอกภพ เหลือรา ที่ล่าสุด พบว่า ได้รับการช่วยเหลือจาก UNHCR ให้ไปพำนักอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์ 2. “โรส” หรือ น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ ที่หลบหนีในอังกฤษ ล่าสุด มีกระแสข่าวว่า หลบหนีมายังประเทศแถบทวีปอเมริกา 3. “โกตี๋” หรือ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แกนนำคนเสื้อแดง ที่กระแสข่าวระบุว่า พำนักอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน 4. “อั๊ม เนโกะ” หรือ นายศรันย์ ฉุยฉาย คาดว่า พำนักอยู่ในประเทศแถบยุโรป
5. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ล่าสุด ได้สถาปนาตัวเองเป็นเลขาธิการองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย คาดว่า พำนักอยู่ในประเทศแถบยุโรป 6. นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเลขานุการบริหารองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย คาดว่าพำนักอยู่ในประเทศแถบยุโรป
7. นายสุนัย จุลพงศธร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย คาดว่า พำนักอยู่ในประเทศแถบยุโรป 8. นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน อดีตผู้ดำเนินรายการวิทยุชุมชนคนรักทักษิณ อยู่ระหว่างหลบหนี คาดว่า อยู่ในประเทศแถบยุโรป 9. นายใจลส์ใจ อึ้งภากรณ์ ผู้หลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปยังประเทศอังกฤษ 10. นางมนัญชยา เกตุแก้ว ที่ได้หลบหนีไปต่างประเทศกรณีทำเอกสารและแผ่นซีดีเข้าข่ายปลุกระดมหมิ่นสถาบัน 11. นางจรรยา ยิ้มประเสริฐ อดีตนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิแรงงาน ล่าสุด มีกระแสเคลื่อนไหวอยู่ประเทศแถบสแกนดิเนเวีย 12. นายจุติเทพ (เลอพงษ์) วิไชยคำมาตย์ หรือ โจ กอร์ดอน คาดว่า พำนักอยู่ในสหรัฐฯ 13. บุคคลใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า “หน่วยงานลับ แดงใต้ดิน” เป็นการรวมพลคนหมิ่นสถาบัน 14. นายพิษณุ พรหมสร หรือ แอนตี้ นักจัดรายการวิทยุกับนายชูพงษ์ คาดว่า จะหลบหนีอยู่กับนายชูพงษ์ 15. นายเนติ วิเชียรแสน 16. นายองอาจ ธนกมลนันท์ 17. นายอำนวย แก้วชมภู หรือ วู้ดไซด์ นิวยอร์ก ก่อนหน้านี้ มีผู้นำคลิปมาอ้างว่าเสียชีวิตแล้ว
18. นายมนูญ “เอนก” ชัยชนะ นักธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวในซานฟรานซิสโก แกนนำสำคัญของชาวเสื้อแดงในอเมริกา 19. นายเสน่ห์ ถิ่นแสน หรือ “เพียงดิน” เคยเป็นอาจารย์สอนอยู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีข่าวว่าหนีใช้หนี้ทุนมหาวิทยาลัยไปอยู่รัฐอินเดียนา สหรัฐฯ 20. นายภิเษก สนิทธางกูร หรือนามแฝง “ครอบครัวมาเฟีย” ที่ถูกผู้ใช้เว็บบอร์ดพันทิปโต๊ะเฉลิมไทย แจ้งจับในมาตรา 112 เมื่อปี 2550 อยู่ระหว่างหลบหนี 22. นายสันติ วงศ์ไพบูลย์ 23. นางณหทัย ตัญญะ หรือ พ.ต.อ.หญิง ณหทัย ตัญญะ อดีตอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นต้น
นั่นคือบางรายชื่อของพวกที่โดนแจ้งข้อหาก่อการร้ายและคดีหมิ่นสถาบันฯ คำถามก็คืคนพวกนี้เป็นพวกไหน !!