ผ่าประเด็นร้อน
เรียกเสียงซี้ดซ้าดกันยกใหญ่สำหรับคำสั่งเพิกถอนพาสปอร์ตทุกเล่มที่ ทักษิณ ชินวัตร มีอยู่ แม้ว่าจะล่าช้าไปนิด แต่ก็ถือว่าได้ทำแล้ว และที่น่าชื่นใจไปกว่านั้น ก็คือ ยังมีการดำเนินคดีอีกหลายข้อหาตามมาอีกด้วย และหนึ่งในนั้น ก็คือ คดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามมาตรา 112 นั่นคือ “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”
จะว่าไปแล้ว หากย้อนอดีตจะเห็นว่า ทักษิณ ชินวัตร มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางหมิ่นสถาบันเบื้องสูงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งโดยพฤติกรรมที่ออกมาเป็นคำพูดที่ “จาบจ้วง” อย่างชัดเจนหลายครั้ง มีหลักฐานปรากฏให้เห็น แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าดำเนินการ ไม่มีใครกล้าดำเนินคดี ยิ่งในยุคที่มีรัฐบาล “หุ่นเชิด” ของเขา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช รัฐบาล สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เรื่อยมาจนถึงรัฐบาลน้องสาวของตัวเอง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยิ่งไม่ต้องพูดถึง “ขบวนการล้มเจ้า” ทั้งในที่ลับและที่แจ้งต่างเหิมเกริมมีการเคลื่อนไหวกันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เรียกว่าเป็นยุคที่เปรียบเทียบกันว่า “กระเบื้องเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยถอยจมฯ” จริงๆ
เหตุผลที่กระทรวงการต่างประเทศ ระบุถึงสาเหตุที่ยกเลิกหนังสือเดินทางของ ทักษิณ ชินวัตร มาจากคำพูดระหว่างที่เดินทางไปบรรยาย และให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ และมีการอัดคลิปเผยแพร่ทางโซเชียลฯ มีเนื้อหาทำลายความมั่นคง และทำลายเกียรติภูมิของชาติ และที่สำคัญ ก็คือ ในคำพูดดังกล่าวมีเจตนา “ทำลายสถาบันเบื้องสูง” จนสร้างความเจ็บปวดให้กับคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคราวนี้ ทักษิณ ชินวัตร มีเจตนาทำลายไปพร้อมๆ กับกระบวนการยุติธรรม ทำลายรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไปพร้อมกัน เพียงเพราะรัฐบาลน้องสาวของเขา คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกรัฐประหาร จากสาเหตุที่ถูกประชาชนขับไล่ เนื่องจากทนไม่ไหวกับการบริหารที่ฉ้อฉล สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองจนเกินเยียวยา
แน่นอนว่า การเพิกถอนหนังสือเดินทาง ทักษิณ ชินวัตร ในครั้งนี้แบบที่ไม่มีสัญญาณบ่งบอกล่วงหน้า จนเชื่อว่าเจ้าตัวก็คงไม่คาดคิดมาก่อนว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกล้าจะลงมือแบบนี้ ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวที่เป็นอยู่ก็น่าเป็นกังวลเหมือนกันว่าจะต้องมีการตอบโต้จากบรรดาเครือข่ายของเขาตามมา
สิ่งที่สังเกตเห็นก็คือ ในเวลานี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวสร้างกระแสเรื่อง “รัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ” พยายามปลุกกระแสในประเด็น “นายกฯ คนนอก” ที่พยายามบิดเบือนเชื่อมโยงให้เห็นภาพว่าเป็นเจตนาให้ บรรดาคณะบุคคลในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สืบทอดอำนาจ โดยเฉพาะเป้าหมายสำคัญคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นแหละ
ดังที่บรรดาแกนนำคนเสื้อแดง และสมาชิกพรรคเพื่อไทย กำลังมีการเคลื่อนไหวกันอย่างเข้มข้น เช่น วรชัย เหมะ รวมทั้ง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ระบุก่อนหน้านี้ ว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังยกร่างกันอยู่ไม่มีหลักประกันเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน และพุ่งเป้าโจมตีมาที่ประเด็นนายกฯคนนอกที่กล่าวหาว่าในข้อเสนอแก้ไขที่ส่งมอบไปให้กับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญของรัฐบาล มีนับร้อยประเด็นแต่กลับไม่มีการพูดถึงเรื่องประเด็นเรื่องนายกฯคนนอกแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวจากฝ่ายเครือข่ายของ ระบอบทักษิณ ที่กำลังออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นเรื่องที่คาดหมายได้อยู่แล้ว เพราะพวกเขาเสียผลประโยชน์ สูญเสียอำนาจ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชนส่วนใหญ่จะได้มองเห็นพฤติกรรมที่ฉ้อฉลของคนพวกนี้หรือไม่ ความล้มเหลวความเสียหายจากรัฐบาล ยิ่งลักษณ ชินวัตร โดยเฉพาะความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวที่มีการประเมินเบื้องต้นประมาณไม่ต่ำกว่า 7 แสนล้านบาท จนต้องชดใช้หนี้กันจนชั่วลูกชั่วหลาน
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งในฝั่งรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถจับสัญญาณได้ชัดว่านับจากนี้จะมีการดำเนินการทางกฎหมายกับ ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายอย่างจริงจังมากกว่าที่เคยปรากฏ ดังที่เกิดกรณีเพิกถอนหนังสือเดินทางในครั้งนี้ โดยเฉพาะให้จับตาการถอดยศ และริบเครื่องราชฯ ตามมาในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะนี่คือภาวะการสุดกลั้นกับพวกคนคดทรยศชาติพวกนี้
มีแต่ต้องขุดรากถอนโคนเท่านั้น ถึงจะทำให้เป้าหมายในการปฏิรูปบ้านเมืองสำเร็จ หรือเข้าใกล้เป้าหมายให้มากที่สุด!!