00 ก็ยังนึกแปลกใจเหมือนกันว่าถ้ารัฐบาลเอาจริงเอาจังอย่างที่เห็นในวันนี้ สำหรับการปราบปราม"ขบวนการล้มเจ้า" มันก็คงจะไม่สร้างความวุ่นวายบานปลายจนแทบยากจะควบคุม แต่ขณะเดียวกันก็ต้องรับความจริงอย่างเจ็บปวดก็คือ ที่ผ่านมาหากบอกว่าล้มเหลว ก็เป็นเพราะคนในรัฐบาลสมัยนั้นมันรู้เห็นเป็นใจ หรือบางทีอาจเป็น"ผู้บงการ" ชักใยอยู่เบื้องหลังเสียด้วยซ้ำไป
00 พูดกันให้ตรงไปตรงมา หากระบุว่า "ขบวนการล้มเจ้า" เบิกบานเฟื่องฟูที่สุดก็คือตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เป็นต้นมา เพราะเครือข่ายคนกลุ่มนี้ มีอำนาจรัฐ ที่ผ่านการเลือกตั้งที่ตบตากันว่านี่คือประชาธิปไตยนั่นแหละ คนพวกนี้ก็เกาะเกี่ยวกันอยู่พวก "แดงแท้แดงเทียม" เรื่อยมา และหากโฟกัสเข้าไปพิจารณากันเฉพาะบุคคลก็จะพบว่า หลายคนที่มีบทบาทล้วนมีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังมี "ทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันฯ" ทั้งสิ้น ส่วนจะเป็นใครกันบ้าง ไม่จำเป็นต้องมาพูดซ้ำ เพราะคนที่ติดตามเรื่องนี้ด้วยความ "อึดอัด" มานานย่อมรับรู้กันอยู่แล้วว่า คนพวกนี้มีใครกันบ้าง พวกปลดรูปทุกบ้าน กระสุนฯ อะไรพวกนี้มันปลายแถว "กระจอก" เกินไป แต่เป็นพวกที่ข้างกาย "นายใหญ่" ที่สุมหัวในตึกสูงอันทันสมัยกลางกรุง นั่นแหละ คนพวกนี้ล้วนเป็น "ซ้ายอกหัก" ที่มีเป้าหมายเพื่อล้มสถาบันฯเท่านั้น
00 ดังนั้นการที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และในยุคคสช.ได้ดำเนินการจับกุมคนในขบวนการนี้ แม้ว่าในเบื้องต้นจะเป็นแค่ "ระดับมือไม้" ไม่ใช่ตัวการใหญ่ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการ "เริ่มต้นขยับ" อย่างเป็นรูปธรรมให้เห็นเป็นครั้งแรก และขณะเดียวกันอย่าได้แปลกใจที่พอจับกุมทีไร ก็ต่อเป็นพวก"เสื้อแดงนปช." ทุกทีไป อย่างรายล่าสุดก็จับกุม "เครือข่ายบรรพต" หรือ "หัสดิน อุไรไพรวัน" ผู้ต้องหาตาม มาตรา 112 ได้แล้ว ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการผลิต และเผยแพร่เอกสารซีดีหมิ่นสถาบันฯ แต่ที่ต้องจับตากันต่อไปก็คือ จะสามารถสาวไปถึง "คนบงการสูงสุด" ได้หรือไม่ งานนี้วัดใจกันหลายคน ทั้ง นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองนายกฯ ด้านความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าจะคลายความเจ็บปวดในใจคนไทยได้แค่ไหน !!
00 สำหรับ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ รายนี้ถือว่ายังไม่พ้น"กรรม" ที่ตัวเองก่อไว้ เมื่อปี 51 ที่สั่งสลายการชุมนุมอย่างเหี้ยมโหด โดยล่าสุดจากการเปิดเผยของ ป.ป.ช. วิชา มหาคุณ ว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯได้รับฟัองแล้ว แต่ที่น่าสังเกตุก็คือ นี่คือการฟ้องของ ป.ป.ช. หลังจากที่อัยการสูงสุดในช่วงก่อนหน้านี้สั่งไม่ฟ้อง คดีนี้ก็น่าลุ้นเหมือนกันว่าในที่สุดแล้ว เครือข่ายทักษิณ คนนี้จะมีชะตากรรมเช่นไร !!
00 ขณะที่กรณีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ขัดเจนแล้วว่าอัยการสูงสุดจะสั่งฟ้องอาญา ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว มีความผิดฐานละเว้นและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ม.123/1 ซึ่งยืนยันแล้วว้าจะส่งฟ้องไม่เกินวันที่ 21 ก.พ.นี้ แน่นอน แต่คาดว่าจะเป็นวันที่ 19 ก.พ.เวลา 10.00 น. ส่วนตัว ยิ่งลักษณ์ จะได้รับอนุญาตไป "กินโจ๊ก" กับพี่ชายที่ฮ่องกง หรือไม่ ดูตามรูปการณ์แล้ว น่าจะต้องเป็นดุลพินิจของศาลแล้วล่ะ เพื่อความเหมาะสม เพราะถ้าหนี นั่นก็หมายถึง "หนีศาล" !!
00 ยืนยันอีกครั้งจากปากของ หัวหน้าคสช. และนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อหน้านายกฯ ญี่ปุ่น ซินโซ อาเบะ ระหว่างการเยือนที่นั่นว่า ไทยจะมีการเลือกตั้งปลายปีนี้ หรืออย่างช้าไม่เกินต้นปีหน้า เรื่องแบบนี้มองได้หลายมุม ในมุมบวกก็หมายความว่า จะมีการคืนอำนาจให้ประชาชนเร็วๆ นี้ และก็เป็นไปได้สูงที่ รธน.ฉบับใหม่ จะไม่มีการลงประชามติ เพราะจะล่าช้าออกไป ขณะเดียวกันมันก็เป็นไปได้สูงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะวางมือหลังจากนี้ ส่วนคนอื่นที่อยู่รอบตัวนั้น "ไม่แน่" เพราะดูตามอาการแล้วน่าจะ "เดินต่อ" โดยเฉพาะ "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่วนในด้านลบ มันก็เป็นไปได้เหมือนกัน เมื่อประกาศแบบนี้ก็รู้ว่ารัฐบาลมีอายุกี่เดือน มันก็จะเกิดรายการ "เกียร์ว่าง" เพื่อรอนายใหม่จากการเลือกตั้งหรือเปล่า เป็นแบบนี้มันก็เสี่ยงต่อการไร้ผลงาน กลับบ้านมือเปล่า น่าคิดนะ !!
00 พูดกันให้ตรงไปตรงมา หากระบุว่า "ขบวนการล้มเจ้า" เบิกบานเฟื่องฟูที่สุดก็คือตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เป็นต้นมา เพราะเครือข่ายคนกลุ่มนี้ มีอำนาจรัฐ ที่ผ่านการเลือกตั้งที่ตบตากันว่านี่คือประชาธิปไตยนั่นแหละ คนพวกนี้ก็เกาะเกี่ยวกันอยู่พวก "แดงแท้แดงเทียม" เรื่อยมา และหากโฟกัสเข้าไปพิจารณากันเฉพาะบุคคลก็จะพบว่า หลายคนที่มีบทบาทล้วนมีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังมี "ทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันฯ" ทั้งสิ้น ส่วนจะเป็นใครกันบ้าง ไม่จำเป็นต้องมาพูดซ้ำ เพราะคนที่ติดตามเรื่องนี้ด้วยความ "อึดอัด" มานานย่อมรับรู้กันอยู่แล้วว่า คนพวกนี้มีใครกันบ้าง พวกปลดรูปทุกบ้าน กระสุนฯ อะไรพวกนี้มันปลายแถว "กระจอก" เกินไป แต่เป็นพวกที่ข้างกาย "นายใหญ่" ที่สุมหัวในตึกสูงอันทันสมัยกลางกรุง นั่นแหละ คนพวกนี้ล้วนเป็น "ซ้ายอกหัก" ที่มีเป้าหมายเพื่อล้มสถาบันฯเท่านั้น
00 ดังนั้นการที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และในยุคคสช.ได้ดำเนินการจับกุมคนในขบวนการนี้ แม้ว่าในเบื้องต้นจะเป็นแค่ "ระดับมือไม้" ไม่ใช่ตัวการใหญ่ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการ "เริ่มต้นขยับ" อย่างเป็นรูปธรรมให้เห็นเป็นครั้งแรก และขณะเดียวกันอย่าได้แปลกใจที่พอจับกุมทีไร ก็ต่อเป็นพวก"เสื้อแดงนปช." ทุกทีไป อย่างรายล่าสุดก็จับกุม "เครือข่ายบรรพต" หรือ "หัสดิน อุไรไพรวัน" ผู้ต้องหาตาม มาตรา 112 ได้แล้ว ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการผลิต และเผยแพร่เอกสารซีดีหมิ่นสถาบันฯ แต่ที่ต้องจับตากันต่อไปก็คือ จะสามารถสาวไปถึง "คนบงการสูงสุด" ได้หรือไม่ งานนี้วัดใจกันหลายคน ทั้ง นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองนายกฯ ด้านความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าจะคลายความเจ็บปวดในใจคนไทยได้แค่ไหน !!
00 สำหรับ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ รายนี้ถือว่ายังไม่พ้น"กรรม" ที่ตัวเองก่อไว้ เมื่อปี 51 ที่สั่งสลายการชุมนุมอย่างเหี้ยมโหด โดยล่าสุดจากการเปิดเผยของ ป.ป.ช. วิชา มหาคุณ ว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯได้รับฟัองแล้ว แต่ที่น่าสังเกตุก็คือ นี่คือการฟ้องของ ป.ป.ช. หลังจากที่อัยการสูงสุดในช่วงก่อนหน้านี้สั่งไม่ฟ้อง คดีนี้ก็น่าลุ้นเหมือนกันว่าในที่สุดแล้ว เครือข่ายทักษิณ คนนี้จะมีชะตากรรมเช่นไร !!
00 ขณะที่กรณีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ขัดเจนแล้วว่าอัยการสูงสุดจะสั่งฟ้องอาญา ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว มีความผิดฐานละเว้นและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ม.123/1 ซึ่งยืนยันแล้วว้าจะส่งฟ้องไม่เกินวันที่ 21 ก.พ.นี้ แน่นอน แต่คาดว่าจะเป็นวันที่ 19 ก.พ.เวลา 10.00 น. ส่วนตัว ยิ่งลักษณ์ จะได้รับอนุญาตไป "กินโจ๊ก" กับพี่ชายที่ฮ่องกง หรือไม่ ดูตามรูปการณ์แล้ว น่าจะต้องเป็นดุลพินิจของศาลแล้วล่ะ เพื่อความเหมาะสม เพราะถ้าหนี นั่นก็หมายถึง "หนีศาล" !!
00 ยืนยันอีกครั้งจากปากของ หัวหน้าคสช. และนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อหน้านายกฯ ญี่ปุ่น ซินโซ อาเบะ ระหว่างการเยือนที่นั่นว่า ไทยจะมีการเลือกตั้งปลายปีนี้ หรืออย่างช้าไม่เกินต้นปีหน้า เรื่องแบบนี้มองได้หลายมุม ในมุมบวกก็หมายความว่า จะมีการคืนอำนาจให้ประชาชนเร็วๆ นี้ และก็เป็นไปได้สูงที่ รธน.ฉบับใหม่ จะไม่มีการลงประชามติ เพราะจะล่าช้าออกไป ขณะเดียวกันมันก็เป็นไปได้สูงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะวางมือหลังจากนี้ ส่วนคนอื่นที่อยู่รอบตัวนั้น "ไม่แน่" เพราะดูตามอาการแล้วน่าจะ "เดินต่อ" โดยเฉพาะ "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่วนในด้านลบ มันก็เป็นไปได้เหมือนกัน เมื่อประกาศแบบนี้ก็รู้ว่ารัฐบาลมีอายุกี่เดือน มันก็จะเกิดรายการ "เกียร์ว่าง" เพื่อรอนายใหม่จากการเลือกตั้งหรือเปล่า เป็นแบบนี้มันก็เสี่ยงต่อการไร้ผลงาน กลับบ้านมือเปล่า น่าคิดนะ !!