เลขาฯ วิป สปช.เผยวาระสำคัญประชุมพรุ่งนี้ ถกการทำหน้าที่หลังแก้ รธน.ชั่วคราว เตรียมสรุปผลงาน 30 มิ.ย. ส่งงานต่อ สภาขับเคลื่อนฯ หนุนลดจำนวนสภาขับเคลื่อนเหลือ 200 ไม่เชื่อรัฐคิดกำจัด สปช.หัวแข็ง แต่อาจทำงานไม่เข้าตา รับมีโอกาสอดีตนักการเมืองร่วมวงมากขึ้นหลัง รธน.เปิดช่อง ดักอย่ามีมากจนครอบงำ ฟันธง สปช.คว่ำ รธน.ส่งผล “ประยุทธ์” อยู่ต่อ 2 ปี เตือนต้องปฏิรูปตำรวจ ไม่ทำ ปชช.ผิดหวัง
วันนี้ (14 มิ.ย.) นายวันชัย สอนศิริ เลขาวิป สปช. กล่าวถึงการประชุม สปช.ในวันที่ 15 มิ.ย. 58 ซึ่งมีวาระสำคัญเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ สปช. หลังจากที่รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 มีการแก้แก้ไขปรับปรุงส่งผลให้วาระการทำงานของ สปช.สั้นลง โดยจะสิ้นสุดประมาณเดือนสิงหาคมหรือกันยายน หลังจากลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แตกต่างจากปฏิทินเดิมที่จะสิ้นสุดการทำงานราวต้นปี 2559 ว่า เป็นการประชุมภายในหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวก็เหลือเวลาทำงานสองเดือนเศษ 1. ต้องสรุปผลงานทั้งหมดของทุกคณะให้เสร็จสิ้น ซึ่งประธานสปช.กำหนดให้สรุปภายในวันที่ 30 มิ.ย. แต่ยังมีบางคณะไม่เรียบร้อย จึงต้องเร่งรีบให้เสร็จสิ้นภายในกรอบเวลาและบรรจุเนื้อหาทั้งหมดให้เสร็จสิ้น
2. ประเมินการทำงานที่ผ่านมาร่วมกัน ฟังเสียงสะท้อนของสมาชิกให้ช่วยกันประเมินว่ามองอย่างไรบ้าง 3. จะต้องทำอะไรในระยะเวลาสองเดือนที่เหลือ นอกจากสรุปเนื้องานมีอะไรต้องส่งต่อให้รัฐบาลหรือสภาขับเคลื่อนทำงานต่อไป จากนั้นประธาน สปช.คงสรุปแล้วมาดำเนินการในระยะต่อไป ส่วนสภาขับเคลื่อนฯจะเอาข้อมูลจากสภาปฏิรูปฯ ไปขยายผลต่อหรือไม่เราไม่ทราบ แต่ถ้ามีการต่อยอดทั้ง 36 เรื่องที่ทำไว้ก็จะกระชับรวบรัด เพราะทำอย่างรอบด้านแล้ว เพียงแต่เอามากลั่นกรองก็ทำได้อย่างรวดเร็ว และถ้าประสานกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิดด้วยก็จะรู้ความต้องการของรัฐบาล
ทั้งนี้ เห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญให้ยุบ สปช.เป็นเพราะผู้มีอำนาจเห็นว่าทำไม่ดี น่าจะไม่ใช่ตามแนวทางที่เขาคิดไว้ หรือน่าจะไม่เหมาะสม คือคิดว่ายังไม่ดีพอหรือเปล่า ในฐานะผู้มีอำนาจนำการปฏิรูปก็ปรับองค์กร วิธีการ ก็เป็นสิทธิและเหมาะสม เพราะโดยส่วนตัวมี 250 คนมากเกินไป ติดหล่มกับวิธีการมากเกินไปจึงเห็นด้วยอย่างยิ่ง
ส่วนสภาขับเคลื่อนจะมีอดีตนักการเมืองเข้ามามีบทบาทมากขึ้นหรือไม่หลังจากมีการแก้ไขเปิดช่องไว้หรือไม่นั้น นายวันชัยกล่าวว่า บอกไม่ได้เพราะเปิดกว้างยังไม่มีการระบุคุณสมบัติว่าจะเป็นเหมือน สปช.หรือไม่ แต่การทำงานควรเลือกคนที่มีแนวทางเดียวกัน และเชื่อว่ามีบางส่วนจากกรรมาธิการยกร่างฯ และ สปช.เดิมไปต่อยอดกัน ส่วนถ้ามีอดีตนักการเมืองเข้ามาเพิ่มขึ้นก็ต้องไม่ใช่มากจนมาครอบงำ ก็จะทำให้มีวิธีคิดและมุมมองที่เสริมกันได้มากขึ้น อีกทั้งอำนาจในการปฏิรูปของ สปช.ไม่มี มีเพียงแต่เสนอแนะเท่านั้น รัฐบาลจะไม่พอใจข้อเสนอของ สปช.ไม่ได้เพราะเขาสามารถเก็บใส่ลิ้นชักได้อยู่แล้วถ้าไม่อยากทำตาม จึงไม่คิดว่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ยุบสปช.
“ที่ผ่านมาแต่ละคนเป็นตัวของตัวเองทำให้การทำงานอาจล่าช้าไปบ้าง แต่ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่มองว่า สปช.บางคนหัวแข็ง การยุบสปช.เร็วขึ้นทำให้สมาชิกมีอิสระในการตัดสินใจมากขึ้น จากเดิมมีตำหนิแค่ไหนหากผ่านก็ทำให้สปช.อยู่ต่อได้อีกเกือบปี เมื่อปลดล็อคตรงนี้ว่าไม่ว่าผ่านหรือไม่ผ่านก็ถูกยุบจะมองประโยชน์ส่วนรวมเป็นตัวตั้ง จึงทำให้เกิดความเป็นอิสระ กล้าพูด กล้าแสดงออก พิจารณารัฐธรรมนูญอย่างรอบคอบ ด้วยเหตุผล โดยตัดประโยชน์ทับซ้อนส่วนตนออกไป” นายวันชัยกล่าว
นอกจากนี้ จากการเสนอของสมาชิกหลายคณะนั้น กรรมาธิการฯคงไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมด จึงเชื่อว่า สปช.จะไม่ยอมให้รัฐธรรมนูญมีตำหนิแม้แต่น้อย ก็น่าจะประกาศคว่ำรัฐธรรมนูญ โดยเท่าที่ได้แลกเปลี่ยนสมาชิกทั้งส่วนกลางและส่วนจังหวัด ทุกคนเห็นตรงกันว่า รัฐธรรมนูญกลัดกระดุมผิดตั้งแต่ต้นจะมีรอยตำหนิให้เห็น หาความพอดีไม่ได้ กระบวนการควรเริ่มขึ้นใหม่คือประสานกัน แตกต่างจากในอดีตที่กรรมาธิการฯ คิดว่าเป็นอำนาจของตัวเอง ดังนั้นการตัดเสื้อผ้าใหม่น่าจะดีกว่าการมาปะผุ จึงเชื่อว่าจะมีการคว่ำรัฐธรรมนูญ
“ผมเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญเป็นเหตุอย่างสำคัญที่ทำให้สมาชิกต้องคว่ำ เพราะกลัดกระดุมผิด ถ้าเกิดการคว่ำก็เป็นผลพลอยได้ของ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลได้รับผลพวงให้อยู่ในอำนาจต่อ ผมเชื่อว่ากรรมาธิการฯยกร่างฯ แก้ไม่ได้ตามความพอใจของทุกคน ถ้าให้รัฐธรรมนูญผ่านนำไปสู่ประชามติเตรียมเข้าสู่การเลือกตั้งบ้านเมืองก็จะเหมือนเดิม วังวนความเลวร้ายยังขจัดไม่ได้ การให้เกิดความปรองดองเรื่องระยะเวลาจึงมีส่วนสำคัญและการปฏิรูปก็ยังไปไม่ถึงไหนจึงยังไม่ควรเลือกตั้งแล้วให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เตรียมกลับบ้าน ข้าราชการก็จะเกียร์ว่าง ทำอะไรยากขึ้น แต่ถ้า สปช.คว่ำ รธน.เพราะมีตำหนิก็เป็นผลพวงให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ปฏิรูปและสลายสีให้จางลงได้” นายวันชัยกล่าว
นายวันชัยกล่าวว่า หนึ่งปีที่ผ่านมารัฐบาลเพียงแต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้นยังไม่มีการปรับปรุงวางรากฐาน โครงสร้างอนาคต เพราะฉะนั้นถ้าให้เวลาอีกปีสองปีน่าจะเป็นประโยชน์ต่อชาติในการขับเคลื่อนระยะยาว โดย 1. ต้องวางระบบเกี่ยวกับการทุจริต ซื้อสิทธิ ขายเสียง มีวิธีการและกระบวนการต่างๆ ที่สามารถแก้ไขได้ และปลุกให้คนรู้สึกรังเกียจการซื้อเสียงว่าเป็นเรื่องเลวร้าย 2. การทุจริตคอร์รัปชันในส่วนการเมือง เอกชน ข้าราชการ ต้องวางกลไกอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พร้อมกับสร้างกระแสให้คนรู้สึกรังเกียจการทุจริตคอร์รัปชัน 3. ปฏิรูปตำรวจ เพราะเป็นเรื่องใกล้ชิดกับประชาชนต้องทำให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนด้วยอำนาจที่มีว่าจะแก้โครงสร้างอย่างไรให้ปลอดการแทรกแซงทางการเมือง 4. การปกครองส่วนท้องถิ่น จะมีการควบรวมหรือดูแลไม่ให้มีการทุจริตอย่างไร มีการตรวจสอบถ่วงดุลได้ 5. ก็เป็นการบริหารในทุกด้านที่ต้องสร้างกลไกให้กระฉับกระเฉงมากขึ้น ถ้าทำได้สักสามเรื่องคนก็แทบจะกราบแล้ว
“ถ้าจะอยู่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ต้องปฏิรูปตำรวจในการแก้ระยะยาว ทำให้ปลอดการเมือง การแต่งตั้งโยกย้ายต้องเป็นธรรม การสอบสวนที่ถูกครอบงำต้องเป็นอิสระ โครงสร้างจะปรับปรุงอย่างไรให้กระชับมากขึ้น องค์กรที่ไม่เกี่ยวกับตำรวจควรถ่ายโอนอย่างไร และมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่ทำได้ จึงเชื่อว่าท่านต้องทำ ถ้าไม่ทำประชาชนก็จะผิดหวัง ก็จะด่าว่ารัฐประหารมาทำอะไร” นายวันชัยกล่าว