พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2558 รวม 15 มาตรา โดยคําแนะนําและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สาระสำคัญเน้นให้ศาลจังหวัดทหารมีอำนาจพิพากษาคดีอาญา
วันนี้ (14 พ.ค.) ราชกิจจานุเบกษาได้ตีพิมพ์พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2558 โดย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งมีจำนวน 15 มาตรา และมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ โดยให้เหตุผลว่า พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน บทบัญญัติหลายมาตราไม่เหมาะสมกับกาลสมัยเนื่องจากโครงสร้างและกิจการทางทหารได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และบทบัญญัติบางมาตราไม่สอดคล้องกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ดังนั้น สมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้การใช้บังคับเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบันและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ สมควรกําหนดให้ตําแหน่งตุลาการพระธรรมนูญ และอัยการทหารได้รับเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งเพื่อให้สามารถดํารงตนอยู่ในความยุติธรรมได้อย่างสมเกียรติ จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
สำหรับสาระสำคัญของ พ.ร.บ. ธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ 8) กำหนดให้ รมว.กลาโหม รักษาการ ตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอํานาจออกข้อบังคับและระเบียบเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้, ให้ตุลาการพระธรรมนูญและอัยการทหารได้รับเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่ง โดยเปรียบเทียบกับค่าตอบแทนและเงินประจําตําแหน่งของผู้พิพากษา หรือตุลาการศาลอื่น และพนักงานอัยการ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงกลาโหมกําหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
ขณะเดียวกัน กำหนดให้คดีที่ต้องดำเนินในศาลเยาวชนและครอบครัวเป็นคดีที่ไม่อยู่ในอำนาจศาลทหาร, ให้ศาลจังหวัดทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาได้ทุกบทกฎหมาย เว้นแต่คดีที่จำเลยมียศทหารชั้นสัญญาบัตร, ศาลทหารสูงสุดมีอำนาจพิจารณาพิพากษาบรรดาคดีที่อุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทหารกลาง และคดีที่อุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทหารชั้นต้นโดยตรงไปยังศาลทหารสูงสุด, ผู้บังคับบัญชาทหารมีอำนาจสั่งควบคุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารได้ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยหรือมีเหตุจำเป็น ศาลทหารตั้งทนายให้แก่จำเลย และให้ศาลจ่ายเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายแก่ทนายที่ศาลตั้ง
นอกจากนี้ กำหนดให้การพิพากษาคดีของศาลทหารสอดคล้องกับมาตรา 192 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และแก้ไขการบังคับคดีในกรณีหญิงมีครรภ์ต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิต โดยกำหนดให้รอการประหารชีวิตไว้ก่อนจนกว่าจะพ้นกำหนดสามปีนับแต่คลอดบุตร แล้วให้ลดโทษประหารชีวิตลงเหลือจำคุกตลอดชีวิต ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการบังคับคดีในกรณีหญิงมีครรภ์ตามมาตรา 247 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติเอกฉันท์ เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... วาระ 3 ด้วยคะแนนเสียง 179 งดออกเสียง 5 เสียง
อ่านประกอบ : พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2558