รายงานการเมือง
เวลาขยับหดเหลือสั้น หากไม่ขยายโรดแมปออกไป งานที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หมายมั่นปั้นมือเอาไว้ว่าจะทำให้สำเร็จในช่วงอยู่บนอำนาจยังเขยิบคืบหน้าไปไม่ถึงไหน
การปฏิรูปที่เป็นดังหัวใจของรัฐบาลชุดนี้ ณ ปัจจุบันยังเป็นแค่นามธรรมจับต้องไม่ได้ จนดูเหมือนว่าการสานต่อให้เกิดรูปธรรมจะถูกโยนไปให้แผงอำนาจในอนาคตทำแทน โดยการล็อกกลไกเอาไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้มีใครกล้าเบี้ยวหรือพับโปรเจ็กต์ทิ้ง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตั้งใจจะทำมันไม่ง่ายอย่างที่คิด ปฏิรูปในเวลารวดเร็วเป็นการมองโลกที่สวยเกินไป ต่อให้มีอำนาจล้นพ้นขนาดไหน แต่กลไกในประเทศไทยมันสลับซับซ้อน มีตอ มีจระเข้ขวางคลองเต็มไปหมด โดยเฉพาะปัญหาข้าราชการเกียร์ว่างที่ทำเอา “บิ๊กตู่” ประสาทหลอนแก้ไม่ตกจนต้องงัดบทโหดโยกข้าราชการกังฉินออกมาเป็นการปรามขู่ เพราะหากแก้ปัญหาข้าราชการที่เป็นฟันเฟืองสำคัญไม่ได้ อะไรจะติดขัดไปหมด
7 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลรู้อยู่เต็มอกว่างานไม่เดินเพราะสาเหตุนี้
เหมือน “บิ๊กตู่” จะเปลี่ยนโจทย์ใหม่เรื่องอะไรยากๆ ใช้ระยะเวลายาวๆ จับโยนใส่ไปในรัฐธรรมนูญทั้งหมด นาทีนี้เลือกเฉพาะปัญหาง่ายๆ ที่ใช้อำนาจเผด็จการสั่งได้ก่อน อย่างที่มีการใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาอย่างถี่ยิบในชั่วโมงนี้ แทบทุกเรื่องนึกอะไรไม่ออกหยิบมาตรา 44 ออกมาปลดล็อกเป็นทางลัดกันเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปมราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถึงขั้นจะส่งทหารเข้าไปสะสาง เรื่องบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ที่ให้ทหารเข้าไปทำงานร่วมกับตำรวจขจัดพวกขาใหญ่
“บิ๊กตู่” เดินตามยุทธศาสตร์ใหม่เล่นเรื่องใกล้ตัว แต่เห็นผลแบบชะงักงัน ประชาชนจับต้องได้ เช่น การรุกไล่ลงดาบข้าราชการกังฉินที่พัวพันกับการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งสังคมไทยรู้กันมานานว่าวงการนี้นอกในมีเยอะ แต่ไม่มีรัฐบาลไหนเอาจริงเอาจังเพราะผลัดกันเกาหลัง เกื้อกูลกันโกงกับนักการเมือง แต่พลันที่รัฐบาลชุดนี้กล้าโละทีละเป็นกระบิ ภาพที่ออกมาเลยเป็นภาพของการเอาจริงเอาใจขจัดคอร์รัปชั่นในประเทศ ได้เสียงปรบมือกันเกรียว
เช่นเดียวกับเรื่องบุกรุกป่า รู้กันมานานนมว่ากลุ่มนายทุนผู้มีอิทธิพลถือครองที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนไม่รู้ต่อกี่ไร่ แต่ในอดีตที่ผ่านมาไม่มีใครกล้ายุ่งเพราะมีผลประโยชน์ต่อกัน กลัวจะไปเหยียบตีนใครเข้าหากไม่ดูตาม้าตาเรือ วันหนึ่งพอรัฐบาลชุดนี้เข้าไปแตะ ประชาชนเลยได้เห็นความแตกต่าง โดยเฉพาะเรื่องความเด็ดขาดในยุคของรัฐบาลทหารว่ากล้าในสิ่งที่รัฐบาลปกติไม่กล้า
นี่หาก “บิ๊กตู่” สามารถปั่นโปรไฟล์ตัวเอง ทำให้ราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลลดมาได้จริงเหลือ 80 บาทอย่างปากพูดในต้นเดือนมิถุนายน รับรองชาวบ้านชาวช่องยกมือท่วมหัวอนุโมทนาให้เป็นการใหญ่ เพราะไม่มีใครเคยทำได้ ต่อให้รัฐบาลชุดไหนเจอมาเฟียในกองสลากฯเข้าไปได้แต่นั่งหน่วงกันอยู่อย่างนั้น บางรายถูกกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน การทำให้ราคาลดมาขนาดนี้ได้เป็นแค่เรื่องฝันเฟื่องเท่านั้น
“บิ๊กตู่” พยายามสร้างผลงานให้กับรัฐบาลแบบต่อเนื่อง อย่างน้อยเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้ตัวเองในช่วงที่ผลงานด้านเศรษฐกิจไม่เอาอ่าว เพื่อประคองตัวเองไปจนถึงวันสิ้นอำนาจได้ แต่มีหลายคนตั้งข้อสังเกตอีกทางหนึ่งเหมือนกันว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเหมือนเป็นการโกยคะแนนเข้ากระเป๋า สร้างความนิยมชมชอบให้ตัวเอง เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลทหารสามารถสร้างสิ่งที่รัฐบาลปกติไม่สามารถสร้างได้จนประชาชนเคลิบเคลิ้มและเรียกร้องให้อยู่ต่อ โดยที่รัฐบาลไม่ต้องไปหาช่องทางทางกฎหมายหรือทางเทคนิคเพื่อลากยาวให้อยู่บนคานอำนาจต่อ
แม้ “บิ๊กตู่” จะบ่นทุกวันว่า ไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ ไม่ต้องการลากยาว เพราะเหน็ดเหนื่อย แต่เมื่อมองปัญหาที่กองอยู่ตรงหน้ามันยังมีอีกไม่รู้กี่ร้อยเรื่องที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขเลย เป็นไปได้หรือไม่ที่คนอย่าง “บิ๊กตู่” จะละทิ้งแล้วเดินจากไปโดยที่ปัญหาหลายอย่างยังอีรุงตุงนังเพื่อให้เป็นไปตามโรดแมปเพียงเท่านั้น ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นต้องเรียกว่า เสียของยิ่งกว่าเสียของ นอกจากไม่ได้แก้ปัญหา แต่ยังสร้างปัญหาทิ้งเอาไว้ด้วย
เรื่องปรองดองวันนี้หากไม่มีคณะกรรมการปรองดองที่ถูกบรรจุเอาไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ แทบไม่มีอะไรขยับเขยื้อนหรือเห็นความคืบหน้าในทิศทางที่ดีแม้แต่น้อย บางคนให้นิรโทษกรรม บางคนให้อภัยโทษ แม้แต่คนในรัฐบาลระหว่าง “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยังเห็นไม่ตรงกัน
“บิ๊กตู่” เองหนักแน่นว่า ต้องการให้รับโทษก่อนถึงจะอภัยได้ ส่วน “บิ๊กป้อม” เอง เครือข่ายภายใต้ปีกตัวเองเยอะไม่ว่าจะสีเสื้อไหน หวังใช้วิธีเจรจาหาทางลงสไตล์การเมืองด้วยการนิรโทษกรรม ยังเป็นปัญหาที่ยังหาทางออกไม่ได้
นอกจากนี้ยังมีปัญหาอีกสารพัดที่ “บิ๊กตู่” ยังไม่ได้เริ่มอีกไม่น้อย เวลาที่มีอย่างไรก็ไม่พอ “บิ๊กตู่” เองรู้อยู่เต็มอกหากไม่ทำเองไม่มีวันสำเร็จได้ ไม่อยากพึ่งมือคนอื่นแน่ เป็นไปได้อยากให้เสร็จในช่วงตัวเองยังอยู่ แต่เมื่อปัจจัยต่างๆ มันอยู่เหนือการควบคุม เลยต้องหาช่องทางที่ควบคุมได้ โดยเฉพาะกับดักในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่เขียนซ่อนไว้หลายจุด
ไม่ว่าจะเป็นหากสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โหวตคว่ำรัฐธรรมนูญเท่ากับต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กันอีกเป็นปีๆ หรือแสร้งทำให้รัฐธรรมนูญไม่เสร็จตามกำหนดเวลาผลลัพธ์จะออกมาเหมือนกัน หรือทำตามคำร้องขอของพรรคการเมืองที่ให้ทำประชามติ ซึ่งหากไม่ปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกที่กมธ.ยกร่างฯส่งมา อย่างไรเสียนักการเมืองก็ไม่เอาโอกาสโดนคว่ำสูงมาก และเมื่อคว่ำนั่นเท่ากับเป็นการต่ออายุให้รัฐบาลโดยอัตโนมัติ เพราะวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เผยไต๋แล้วว่า ถ้าทำประชามติให้เลือกแค่ว่ารับหรือไม่รับเท่านั้น แล้วหากไม่รับก็ไม่มีฉบับอื่นมาให้เลือก
จับพลัดจับผลู “บิ๊กตู่” ไม่ปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่กำลังโดนถล่มยับ โดยเฉพาะจากพรรคการเมืองที่ขนลุกขนพองแอนตี้เข้ากระดูกดำ แล้วเอาไปทำประชามติแก้เกมขึ้นมา โอกาสแท้งมีสูงลิ่ว เหมือนรู้ว่าไม่ผ่านแน่ๆ แต่ตั้งใจทำเพื่อหาทางคว่ำแบบชอบธรรมที่สุด รัฐบาลชุดนี้ก็ต้องอยู่ต่อเพื่อสร้างกติกาใหม่ขึ้นมา แถมยังมีเวลาสางงานที่ยังไม่เสร็จเพิ่มขึ้นอีก