ประธาน สปช.ปูดมีพนันเห็นชอบร่าง รธน.หรือไม่ - กก.ปรองดองยอมกราบการเมืองคุยกัน

“เทียนฉาย” เผยไม่เกิน 6 ส.ค.ลงมติเห็นชอบร่าง รธน. ไม่ผ่าน สปช.-กมธ.ยกร่างฯ พ้นสภาพ ปูดมีการพนัน สปช.จะเห็นชอบหรือไม่ ลั่นไม่มีฮั้วกัน รับมีสืบทอดแต่เป็นงาน ไม่ใช่อำนาจ ส่วน กก.ปรองดองวอนการเมืองคุยกัน ให้ก้มกราบก็ยอม ลั่นปล่อยวงจรอุบาทว์ต่อไปไม่ได้ เลิกร้าวฉาน ฉุดประชาคมอาเซียน

วันนี้ (28 เม.ย.) นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) บรรยายพิเศษเรื่องทิศทางของสภาปฏิรูปแห่งชาติในการยกร่างรัฐธรรมนูญ ระหว่างการประชุมวิชาการ สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ “จุดเปลี่ยนท้องถิ่นไทยกับการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ที่เมืองทองธานี ว่าหลังจากวันที่ 27 เม.ย. สปช.จะเสนอคำแปรญัตติ พร้อมความเห็น ครม. และคสช. และ กมธ.ยกร่างฯ ไปทำการแก้ไข 60 วันแล้วรัฐธรรมนูญจะเสร็จไม่เกินวันที่ 23-24 ก.ค. และอีกไม่เกิน 10 วันหรือวันที่ 6 ส.ค.ให้ สปช.ลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ หากเห็นชอบก็ทูลเกล้าฯ ถวาย แต่หากไม่เห็นชอบ สปช.และ กมธ.ยกร่างฯ จะต้องพ้นสภาพไป และ คสช.จะต้องแต่งตั้ง สปช.และ กมธ.ยกร่างฯ ชุดใหม่ที่ไม่ใช่คนเดิมหน้าเดิม และเริ่มกระบวนการใหม่ และเป็นที่คาดการณ์ว่าพิมพ์เขียวที่วางไว้อาจไม่เข้าสู่การเลือกตั้งถ้า สปช.ไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดการพนันขันต่อ ที่เป็นความจริงในขณะนี้ตกลงว่า สปช.จะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ร่างยังไม่เสร็จและอยู่ในกระบวนการ

นายเทียนฉายกล่าวว่า แม้ กมธ.ยกร่างฯ จะมีสายมีความเชื่อมโยงกับ สปช. มีคำถามว่าจะฮั้วกันหรือไม่ ทั้งนี้ จากการฟังอภิปรายร่างแรกของรัฐธรรมนูญตลอด 7 วัน 7 คืนและการทำงานของ กมธ.ยกร่างฯ ขอยืนยันว่าไม่มีเรื่องรู้กันแต่อย่างใด เพราะ กมธ.ยกร่างฯ ก็ทำงานแบบเต็มเวลา พร้อมยืนยันว่าการเขียนเรื่องรัฐธรรมนูญที่มีหมวดปฏิรูปประเทศ ยอมรับเป็นการสืบทอด แต่ไม่ใช่อำนาจ แต่เป็นเรื่องงาน เพื่อให้งานด้านปฏิรูปประเทศเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระดับโครงสร้างให้สำเร็จ

ด้านนายบุญเลิศ คชายุทธเดช รองประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ แถลงว่า อยากให้พรรคการเมืองทุกพรรคและกลุ่มการเมืองทุกกลุ่มหันหน้าคุยกันและปรึกษาว่าจะมีแนวทางสร้างความปรองดองอย่างไร เพราะถือเป็นความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง และเพื่อให้เป็นตัวอย่างที่ดีกับประชาชน หลังจากในรอบ 10 ปีที่ผ่านได้เกิดโศกนาฏกรรมนองเลือดหลายครั้งจากความขัดแย้งซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าต้นตอเกิดมาจากนักการเมืองและกลุ่มการเมือง

“ผมขอวิงวอนนักการเมืองและแกนนำกลุ่มต่างๆ หันหน้ามาคุยกัน แสวงหาจุดร่วมที่จะนำพาสังคมไทยหลุดพ้นความแตกแยก ก้าวสู่ความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อให้การพัฒนาประชาธิปไตยเดินต่อไปได้ จะให้ผมก้มหัวกราบกรานก็ยอม” นายบุญเลิศ กล่าว

ด้านนายนิมิต สิทธิไตรย์ กรรมการศึกษาฯ กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี 2475 ระบบการเมืองการปกครองวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์อย่างซ้ำซาก เราจะปล่อยให้วงจรอุบาทว์เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ คนไทยหมดเวลามาทะเลาะกันแล้ว ต้องหันมาปรองดองจับมือกอดคอกันเพื่อก้าวไปข้างหน้าให้ไทยได้เป็นผู้นำกลุ่มอาเซียน หากยังมีแต่ความร้าวฉานนอกจากจะไม่ช่วยพยุงประชาคมอาเซียนแล้วยังจะเป็นตัวฉุดรั้งให้ประชาคมอาเซียนเดินหน้าไม่ได้อีกด้วย