อดีต ส.ส.เพื่อแม้วร่ายบทความยาว คำถามจากนักการเมือง ตั้งคำถาม สปช.-กมธ.ยกร่างฯ รับสงสัย รธน.วางยาให้ภาคการเมืองอ่อนแอ แถมยัดไส้ให้ใครก็ไม่รู้คุม รบ. ดักคออย่าอ้างปฏิรูปสร้างองค์กรอำนาจล้นฟ้า สับพวกมหาปราชญ์ยกร่างฯ กำลังปล้นอำนาจจาก ปชช.
วันนี้ (27 เม.ย.) นายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้เขียนบทความในหัวข้อเรื่อง “คำถามจากนักการเมือง” โดยระบุถึงกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญว่า ได้ติดตามการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้วยความสนใจตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย จึงขอใช้สิทธิในฐานะเป็นนักการเมืองที่ถูกนำมาเป็นจำเลยมาตั้งแต่วันแรกจนบัดนี้ แสดงความคิดเห็นและถือโอกาสตั้งคำถามไปยัง สปช.และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ดังนี้
“1. การที่ท่านทั้งหลายจะเขียนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทำให้ประชาชนชาวไทยกลับกลายเป็นพลเมืองมีสิทธิหรือมีอำนาจมากขึ้นนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ผมมีความยินดีเพราะผมก็มีฐานะเป็นประชาชนเช่นกัน ที่สำคัญพวกผมมาจากประชาชนตามครรลองที่ถูกต้อง จึงไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะไม่ยินดีหรือไปอิจฉาประชาชนที่ให้อำนาจพวกผมมา 2. พวกผมไม่เคยกลัวกระบวนการตรวจสอบใดๆ ทั้งสิ้น ยินดีและพร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบตลอดเวลา ที่ผ่านมาพวกผมก็โดนมาทุกวิธีการอยู่แล้วคงไม่มีอะไรที่จะหนักไปกว่านี้อีก 3. ผมเห็นด้วยที่จะต้องมีการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการปฏิรูปให้เกิดหลักนิติธรรมอันเป็นหลักการสำคัญในการปกครองประเทศที่จะทำให้เกิดความยุติธรรมและนำไปสู่การปรองดองของคนในชาติในที่สุด แต่ท่านต้องตระหนักว่าการปฏิรูปต้องการการมีส่วนร่วมไม่สามารถกระทำเพียงฝ่ายเดียวได้ เพราะจะกลายเป็นการใช้อำนาจบังคับให้ทุกคนยอมรับซึ่งเขาไม่เรียกการปฏิรูป
4. แต่สิ่งที่ผมหรือพวกของผมไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่อยากให้สภาร่างรัฐธรรมนูญช่วยตอบประชาชนให้ผมด้วย มีดังนี้ 4.1 ท่านมีเหตุผลอะไรที่ต้องการทำให้ภาคการเมืองอ่อนแอ ทำไมไม่ออกแบบรัฐธรรมนูญที่สนับสนุนส่งเสริมให้การเมืองมีความเข้มแข็ง อันจะทำให้ได้ฝ่ายบริหารที่มีเสถียรภาพสามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ แต่สามารถควบคุมได้ด้วยการออกแบบระบบตรวจสอบถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพ 4.2 ทำไมจึงออกแบบให้ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติที่เป็นตัวแทนมาจากประชาชนไม่มีอำนาจ แต่กลับเอาอำนาจทั้งหมดไปประเคนให้กับองค์กรและคณะบุคคลที่มิได้มาจากประชาชน 4.3 ทำไมจึงออกแบบสถาปนาองค์กรใหม่ๆ ตามร่างรัฐธรรมนูญนี้ขึ้นมาได้ถึง 11 องค์กร แต่กลับมิได้สร้างกลไกการตรวจสอบหรือถ่วงดุลองค์กรหรือคณะบุคคลดังกล่าวเลย คนเหล่านี้เป็นเทวดาหรือจึงใช้อำนาจได้เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่ถูกตรวจสอบ 4.4 ทำไมจึงต้องออกแบบให้มีการสืบทอดอำนาจเผด็จการผ่านองค์กรเหล่านี้ ผมยกมาเพียงองค์กรเดียวคือสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ กรุณาอย่าตอบว่าเพื่อความต่อเนื่องในการปฏิรูปประเทศ เพราะกลัวว่าฝ่ายการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งจะไม่ทำต่อ เพราะผมจะถามต่อไปว่า
(1) ปฏิรูปอะไรถึงต้องสร้างองค์กรให้มีอำนาจล้นฟ้าขนาดมีอำนาจเหนือรัฐสภา คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แบบนี้มันไม่ใช่การขับเคลื่อนการปฏิรูปแต่เป็นการขับเคลื่อนเผด็จการโดยเอามาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาใส่ไว้ครับ (2) ปฏิรูปอะไรถึงไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่มีสิทธิแม้การคัดสรรบุคคลหรือตัวแทนเข้าไปทำหน้าที่เพราะทุกอย่างพวกท่านออกแบบไว้ล่วงหน้าแล้ว (3) ปฏิรูปอะไรที่ต้องใช้อำนาจมากมายและห้ามตัวแทนของประชาชนไม่เห็นด้วย มีอำนาจสั่งให้ ครม. ปฏิบัติตามและต้องจัดสรรงบประมาณให้ เสนอพระราชบัญญัติแบบพิสดารคือเสนอผ่าน ส.ว.ที่เป็นพวกเดียวกันและบังคับให้ ส.ส.ที่เป็นตัวแทนประชาชนต้องเห็นด้วย เพราะหากไม่เห็นด้วยก็สามารถส่งกลับไปยืนยันที่ ส.ว.แล้วเป็นกฎหมายได้เลย แถมหากเป็นกฎหมายการเงินนายกรัฐมนตรีก็ต้องลงนามรับรองให้ เพราะถ้าไม่ลงนามใน 30 วัน ก็ให้ถือว่าลงนามแล้ว อะไรมันจะเผด็จการได้ขนาดนั้น การปฏิรูปของพวกท่านจะสำเร็จได้ต้องทำโดยวิธีเผด็จการไม่ฟังประชาชนเท่านั้นใช่มั้ย
(4) องค์กรที่มีอำนาจมากมายมหาศาลขนาดนี้ ออกกฎหมายได้ สั่งให้ ครม.จัดสรรงบประมาณให้เท่าไรก็ต้องทำให้ บอกผมหน่อยครับว่ากลไกการตรวจสอบเทวดาเหล่านี้อยู่ที่ใหน ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ไม่ต้องถูกตรวจสอบหรือถอดถอน เรียกว่าให้ใช้อำนาจกันไปตามอำเภอใจเลยนะครับ
4.5 ทำไมไม่ยอมให้ประชาชนแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่าบอกว่าแก้ได้เพราะท่านออกแบบให้หลักการและองค์กรเผด็จการทั้งหลายที่ท่านคิดขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการต่อไปนั้น เป็นหลักการพื้นฐานสำคัญที่ต้องใช้เสียงถึง 2/3 หรือ 433 คน เสร็จแล้วยังต้องนำไปทำประชามติอีก ก็เท่ากับห้ามแก้ไขโดยปริยายนั่นแหละ
สรุปแล้วร่างรัฐธรรมนูญที่ท่าน “มหาปราชญ์” ทั้งหลายได้ยกร่างทำขึ้นนั้น มันไม่ไช่การคืนอำนาจให้กับประชาชนแต่เป็นการยัดเยียดความเป็นเผด็จการให้กดหัวประชาชนต่อไปอีก อย่ามาบิดเบือนทำตัวเป็นศรีธนญชัยเที่ยวอ้างว่าพวกผมไม่เห็นด้วยเพราะกลัวประชาชนจะเป็นพลเมืองหรือประชาชนจะมีอำนาจ ผมไม่เอาด้วยเพราะพวกท่านกำลังปล้นอำนาจประชาชนต่อไปอีกต่างหาก คืนอำนาจให้ประชาชนไปเถอะครับ ร่ำเรียนกันมาก็สูงๆ จนคนเขาเรียกว่ามหาปราชญ์แล้ว”