xs
xsm
sm
md
lg

“ป๋าเปรม” ชมผู้ตรวจฯ ไม่ย่อท้อ ซัดพวกปัดรับผิดชอบน่าละอาย ชี้ยิ่งโปร่งใสยิ่งลดโกงได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ (แฟ้มภาพ)
ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ปาฐกถา ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อความเป็นธรรมของแผ่นดิน ชมปฏิบัติหน้าที่ไม่ย่อท้อ สร้างเสริมความยุติธรรม ธรรมาภิบาล ชี้ผู้มีหน้าที่ขาดจริยธรรมทำสังคมแตกแยก ซัดพวกปัดความรับผิดชอบน่าละอาย ระบุยิ่งโปร่งใสยิ่งลดโกงได้ แนะลดขั้นตอนแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน จี้ภาครัฐต้องน้อมรับการตรวจสอบ ด้าน “ศรีราชา” หนุนทำประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ รับยุบรวม กสม.คงมีปัญหา เซ็ง กมธ.ยกร่างฯ ไม่ฟัง

วันนี้ (30 มี.ค.) สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกับสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ (IOI) และสมาคมผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งเอเชีย (AOA) จัดงานสัมมนาเชิงวิชาการเนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี การก่อตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินของไทยในหัวข้อ “ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อความเป็นธรรมของแผ่นดิน” โดยมีตัวแทนผู้ตรวจการแผ่นดินหลายประเทศเข้าร่วม พร้อมกับหัวหน้าหน่วยราชการ และองค์กรอิสระต่างๆ เดินทางมาร่วม

โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความชื่นชมสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจากใจจริงที่ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ย่อท้อตลอด 15 ปีที่ผ่านมาในการเสริมสร้างความยุติธรรมให้แก่ประชาชน รวมทั้งส่งเสริมหลักธรรมาภิบาล การดำรงไว้ซึ่งธรรมาภิบาล อันประกอบด้วย ความสำนึกรับผิดชอบ ความโปร่งใส ภาระการตอบสนอง และความมีประสิทธิภาพ ถือเป็นส่วนสำคัญยิ่งของพันธกิจของผู้ตรวจการแผ่นดิน

พล.อ.เปรมกล่าวว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยประสบปัญหาความแตกแยกทางสังคมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อันสืบเนื่องจากการที่ประชาชนได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าการขาดธรรมาภิบาลได้ฝังตัวหยั่งลึก มีการทุจริตประพฤติมิชอบที่เรื้อรัง การขาดจริยธรรมของผู้มีตำแหน่งหน้าที่ และข้าราชการบางส่วน สิ่งเหล่านี้ได้นำไปสู่การเคลื่อนไหวทางสังคมเรียกร้องให้ทำการปฏิรูปโดยเร่งด่วนและครอบคลุมทุกด้าน จากนั้น เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าธรรมาภิบาลจะเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของสังคมไทย และขจัดวงจรอุบาทว์ของการฉ้อราษฎร์บังหลวง

“ปัจจัยพื้นฐานของธรรมาภิบาล คือ ความสำนึกในภาระรับผิดชอบ ที่รัฐบาลมีหน้าที่ต้องรายงานและแสดงตัวรับผิดชอบต่อผลที่ได้กระทำไปในนามของส่วนรวม ซึ่งเรื่องนี้บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องใหม่ในวัฒนธรรมการใช้อำนาจในสังคมไทย ส่วนบางคนก็ยังยืนยันที่จะปฏิเสธ ด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ไม่ยอมรับรู้ว่าความรับผิดชอบย่อมจะต้องมาพร้อมกับการกระทำและการตัดสินใจของท่านด้วย ขอย้ำ ณ ที่นี้ว่าภาระความรับผิดชอบย่อมตกอยู่กับผู้ใดก็ตามที่มีอำนาจหน้าที่นั้นๆและได้ใช้อำนาจหน้าที่นั้นๆ การปัดความรับผิดชอบโดยผู้ใช้อำนาจเป็นสิ่งที่น่าละอายอย่างยิ่ง ผิดกฎหมายและศีลธรรม” พล.อ.เปรมกล่าว

พลอ.เปรมยังกล่าวต่อว่า ความโปร่งใสก็เป็นอีกส่วนของธรรมาภิบาล เพราะการที่ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและรับรู้ขั้นตอนพื้นฐานการตัดสินใจทางการบริหาร ผู้บริหารจะต้องอธิบายได้ว่าการกระทำนั้นๆ ทำไปด้วยเหตุผลใดและอยุ่ในกรอบกฎหมาย ระเบียบต่างๆ อย่างไรบ้าง ระบบการบริหารก็ยิ่งมีความโปร่งใสมากเท่าใด ย่อมลดโอกาสที่จะเกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวง ให้น้อยลงตามไปด้วย ถัดมาคือการตอบสนอง ที่หมายถึงการลดขั้นตอนความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อแก้ไขได้ทันท่วงทีไม่ยุ่งยาก และสุดท้ายการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐให้มีประสิทธิภาพ โดยใช้ทรัพยากรและเวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่าสูงสุด เพื่อให้ได้ผลลัทธ์ที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยเป็นแนวทางการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยที่ภาครัฐต้องน้อมรับการตรวจสอบของภาคประชาสังคม

ด้านนายศรีราชา วงศารยางกูร ผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์กรณีข้อเสนอเรื่องการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า ตนเห็นว่าควรที่จะทำประชามติ เพราะไม่อย่างนั้นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะลอยๆ ไม่ยึดโยงกับประชาชน แต่หากมีการทำประชามติก็จะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น ทั้งนี้ยังมองว่าการที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกมี 315 มาตรานั้นเยอะเกินไป เพราะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ควรมีประมาณ 100 มาตรา โดยที่เอารายละเอียดไปไปไว้ในกฎหมายลูกแทน เนื่องจากการเขียนรัฐธรรมนูญที่มีหลายมาตราจะทำให้แก้ยาก และจะทำให้เกิดปัญหากันขึ้นมาอีก

ส่วนกรณีการควบรวมองค์กรผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นผู้ตรวจการแผ่นดินและพิทักษ์สิทธิมนุษยชนนั้น นายศรีราชากล่าวว่า หากมีการควบรวมก็คงมีปัญหาบ้างพอสมควร ทั้งเรื่องการจัดระบบ การคัดเลือกองค์อำนาจ ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็เคยทำข้อสังเกตเพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่อาจเกิดจากการควบรวมแล้ว แต่เมื่อกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญไม่ฟังเราก็ยอมรับการตัดสินใจ เพราะสุดท้ายแล้วร่างรัฐธรรมนูญจะดีหรือไม่ดี กมธ.ยกร่างฯก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

“เราจะทำข้อสังเกตไปยังกมธ.ยกร่างฯอีกครั้งหลังจากร่างรัฐธรรมนูญนิ่งแล้ว คาดว่าประมาณเดือน เม.ย.นี้ เพื่อจะชี้ให้เห็นปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และอาจจะมีการทำข้อสังเกตไปยังสภาปฏิรูปแห่งชาติรวมถึงสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย แม้ กมธ.ยกร่างฯ จะเป็นคนเขียนกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้เป็นคนใช้อำนาจ ดังนั้นก็อยากให้รับฟังเราให้มากขึ้น ไม่ควรเอาเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ เพราะสุดท้ายหากรวมกันแล้วมีปัญหาก็ต้องมีการแยกกันอยู่ดี” นายศรีราชากล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น