กลุ่มพิทักษ์กฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ ขอบคุณนายกฯ รับเรื่องร้องเรียนสั่ง มท.-กทม.สอบทางเชื่อมห้างสร้างคร่อมถนน คลองสาธารณะ ขณะที่ “บิ๊กเสาชิงช้า” หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงทำเฉย เล็งชงเรื่องเช็กบิล “ขรก.-สุขุมพันธุ์” ฐานละเว้น แนะ ป.ป.ท.ลุยปราบโกงเอง ไม่ต้องรอคนร้อง ขณะเดียวกันยังพบเอกชนใช้พื้นที่สาธารณะอีกมาก เตรียมรวบรวมข้อมูลก่อนเสนอฟัน
วันนี้ (3 มี.ค.) นายฉันทวิทย์ เทียมรัตนานนท์ เลขาธิการกลุ่มพิทักษ์กฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ (พปส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตรวจสอบการขออนุญาต และก่อสร้างสะพานลอยคนเดินข้ามถนนเชื่อมอาคารเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ปาร์ก กับอาคารเซ็นทรัลชิดลม ที่สร้างคร่อมถนนและคลองสาธารณะว่า หลังจากที่กลุ่ม พปส.ได้ทำหนังสือร้องเรียนและทวงถามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ล่าสุดทางสำนักนายกรัฐมนตรีได้แจ้งว่า ขณะนี้นายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานคร (กทม.) เร่งดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าวตามที่ พปส.ได้ร้องเรียนไป ทางกลุ่ม พปส.ขอขอบคุณนายกฯที่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ เพราะถือเป็นต้นตอของการเอารัดเปรียบประชาชนและใช้สาธารณสมบัติผิดวัตถุประสงค์ สรัางมูลค่าเพิ่มให้กับเอกชน โดยที่มีข้าราชการรู้เห็นเป็นใจ
นายฉันทวิทย์กล่าวว่า ขณะเดียวกันทาง กทม.ซึ่งถือเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงกลับยังเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งที่ พปส.ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนและทวงถามไปเช่นเดียวกับที่ยื่นถึงนายกฯ อีกทั้งยังขอใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ ให้ กทม.เปิดเผยข้อมูลการขออนุญาตและการก่อสร้างสะพานลอย แต่ก็ไม่มีการตอบสนองจาก กทม. ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างชัดเจน ซึ่ง พปส.จะยื่นเรื่องร้องเรียนให้นายกฯ ลงมาตรวจสอบการทำหน้าที่ของข้าราชการ กทม. รวมทั้ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ด้วย
“นายกฯ กล่าวในรายการคืนความสุขฯ เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ขอให้ผู้บริหารท้องถิ่นทำงานอย่างเต็มที่ หากมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาก็จะสอบสวน ถ้ามีความผิดจริง อาจมีการสั่งพักราชการ กรณีที่ กทม.ละเลยการทำหน้าที่ตามที่ พปส.ร้องเรียนไปนั้นเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งสร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้แก่สังคมอย่างมาก”
นายฉันทวิทย์กล่าวอีกว่า การตรวจสอบกรณีทางเชื่อมห้างเซ็นทรัลเอ็มบาสซี และห้างเซ็นทรัลชิดลมนั้น ถือเป็นกรณีตัวอย่างของการใช้พื้นที่สาธารณะเพื่อเอื้อประโยชน์แก่เอกชนหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยข้าราชการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ยังมีกรณีในลักษณะเดียวกันนี้อีกมาก โดยเฉพาะหมู่บ้านจัดสรรและโครงการคอนโดมิเนียมที่มีการตัดถนนผ่านที่สาธารณะ หรือถมคลองสาธารณะเพิ่มมูลค่าให้แก่ที่ดินของตัวเอง ทั้งนี้ พปส.อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลของหลายโครงการ รวมทั้งเห็นว่ากรณีเช่นนี้เจ้าหน้าที่รัฐควรเข้าไปตรวจสอบได้ทันทีหากพบว่าเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย เพราะมีข้อมูลผ่านตามสื่อมวลชนอยู่แล้วโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้องเรียนด้วยซ้ำ โดยเฉพาะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่ช่วงนี้ใช้งบประมาณจำนวนมากประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เชิญชวนให้คนร้องเรียนเรื่องการทุจริตของข้าราชการเพื่อ ป.ป.ท.จะเข้าไปตรวจสอบ
“เห็นว่าแค่เรื่องมีมูลหรือส่อเค้าว่าจะมีการทุจริต ป.ป.ท.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็น่าจะเข้าไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ได้เลย เพราะถ้าคนที่มีหน้าที่ไม่ทำอะไรก็เท่ากับบกพร่องในการบังคับใช้กฎหมาย”
วันนี้ (3 มี.ค.) นายฉันทวิทย์ เทียมรัตนานนท์ เลขาธิการกลุ่มพิทักษ์กฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ (พปส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตรวจสอบการขออนุญาต และก่อสร้างสะพานลอยคนเดินข้ามถนนเชื่อมอาคารเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ปาร์ก กับอาคารเซ็นทรัลชิดลม ที่สร้างคร่อมถนนและคลองสาธารณะว่า หลังจากที่กลุ่ม พปส.ได้ทำหนังสือร้องเรียนและทวงถามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ล่าสุดทางสำนักนายกรัฐมนตรีได้แจ้งว่า ขณะนี้นายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานคร (กทม.) เร่งดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าวตามที่ พปส.ได้ร้องเรียนไป ทางกลุ่ม พปส.ขอขอบคุณนายกฯที่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ เพราะถือเป็นต้นตอของการเอารัดเปรียบประชาชนและใช้สาธารณสมบัติผิดวัตถุประสงค์ สรัางมูลค่าเพิ่มให้กับเอกชน โดยที่มีข้าราชการรู้เห็นเป็นใจ
นายฉันทวิทย์กล่าวว่า ขณะเดียวกันทาง กทม.ซึ่งถือเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงกลับยังเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งที่ พปส.ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนและทวงถามไปเช่นเดียวกับที่ยื่นถึงนายกฯ อีกทั้งยังขอใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ ให้ กทม.เปิดเผยข้อมูลการขออนุญาตและการก่อสร้างสะพานลอย แต่ก็ไม่มีการตอบสนองจาก กทม. ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างชัดเจน ซึ่ง พปส.จะยื่นเรื่องร้องเรียนให้นายกฯ ลงมาตรวจสอบการทำหน้าที่ของข้าราชการ กทม. รวมทั้ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ด้วย
“นายกฯ กล่าวในรายการคืนความสุขฯ เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ขอให้ผู้บริหารท้องถิ่นทำงานอย่างเต็มที่ หากมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาก็จะสอบสวน ถ้ามีความผิดจริง อาจมีการสั่งพักราชการ กรณีที่ กทม.ละเลยการทำหน้าที่ตามที่ พปส.ร้องเรียนไปนั้นเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งสร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้แก่สังคมอย่างมาก”
นายฉันทวิทย์กล่าวอีกว่า การตรวจสอบกรณีทางเชื่อมห้างเซ็นทรัลเอ็มบาสซี และห้างเซ็นทรัลชิดลมนั้น ถือเป็นกรณีตัวอย่างของการใช้พื้นที่สาธารณะเพื่อเอื้อประโยชน์แก่เอกชนหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยข้าราชการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ยังมีกรณีในลักษณะเดียวกันนี้อีกมาก โดยเฉพาะหมู่บ้านจัดสรรและโครงการคอนโดมิเนียมที่มีการตัดถนนผ่านที่สาธารณะ หรือถมคลองสาธารณะเพิ่มมูลค่าให้แก่ที่ดินของตัวเอง ทั้งนี้ พปส.อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลของหลายโครงการ รวมทั้งเห็นว่ากรณีเช่นนี้เจ้าหน้าที่รัฐควรเข้าไปตรวจสอบได้ทันทีหากพบว่าเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย เพราะมีข้อมูลผ่านตามสื่อมวลชนอยู่แล้วโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้องเรียนด้วยซ้ำ โดยเฉพาะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่ช่วงนี้ใช้งบประมาณจำนวนมากประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เชิญชวนให้คนร้องเรียนเรื่องการทุจริตของข้าราชการเพื่อ ป.ป.ท.จะเข้าไปตรวจสอบ
“เห็นว่าแค่เรื่องมีมูลหรือส่อเค้าว่าจะมีการทุจริต ป.ป.ท.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็น่าจะเข้าไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ได้เลย เพราะถ้าคนที่มีหน้าที่ไม่ทำอะไรก็เท่ากับบกพร่องในการบังคับใช้กฎหมาย”