เลขาธิการกลุ่มพิทักษ์กฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ ยื่นร้องนายกฯ ตรวจสอบเซ็นทรัลสร้างสะพานเชื่อมสาขาเอ็มบาสซีกับชิดลมคร่อมซอยชาวบ้าน อำนวยความสะดวกลูกค้า ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ จวก กทม.ทำเฉยเมื่อขอข้อมูล แถมยังไร้การทำประชาพิจารณ์
วันนี้ (3 ก.พ.) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.30 น. นายฉันทวิทย์ เทียมรัตนานนท์ เลขาธิการกลุ่มพิทักษ์กฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ (พปส.) พร้อมคณะได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ตรวจสอบการขออนุญาต และก่อสร้างสะพานลอยคนเดินข้ามถนนเชื่อมระหว่าง อาคารเซ็นทรัลเอ็มบาสซีพาร์ค และอาคารเซ็นทรัลชิดลม
นายฉันทวิทย์เปิดเผยว่า พปส.ได้พบข้อมูลจากเฟซบุ๊กของนายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย ที่เคยโพสต์ข้อสังเกตเกี่ยวกับการก่อสร้างสะพานลอยระหว่างเซ็นทรัลเอ็มบาสซีพาร์ค และอาคารเซ็นทรัลชิดลม ที่คร่อมซอยสมคิด และคลองสาธารณะเลียบซอยสมคิด ที่อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์การขออนุญาต และการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อนุญาต จึงได้ปรึกษาหารือกับนายอุเทนก่อนลงสำรวจพื้นที่ก็พบว่า สะพานดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของห้างฯ เท่านั้น ไม่ได้เป็นไปเพื่อสาธารณประโยชน์ เข้าข่ายการเอาเปรียบสังคม โดยการใช้ทรัพยากรส่วนรวมเพื่อผลประโยชน์ของคนเพียงกลุ่มเดียว จากนั้น พปส.ได้พยายามติดต่อขอข้อมูลข้อเท็จจริงจากทางห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รวมทั้งทำหนังสือให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เข้ามาตรวจสอบว่ามีการขออนุญาตก่อสร้างถูกต้องหรือไม่ แต่ทั้งสองหน่วยงานกลับเพิกเฉย จึงจำเป็นต้องเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่สังคม
“จากการลงพื้นที่และสอบถามความเห็นของประชาชนร่วมกับนายอุเทน ทั้งคนทำงานและผู้พักอาศัยในซอยสมคิด พบว่าในการก่อสร้างสะพานลอยดังกล่าวไม่มีการสอบถามความเห็นของประชาชนในพื้นที่ว่าต้องการสะพานลอยหรือไม่ จึงสงสัยว่ามีการก่อสร้างสะพานเชื่อมแห่งนี้ได้อย่างไร” นายฉันทวิทย์ระบุ
นายฉันทวิทย์กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ พปส.จะทำเรื่องยื่นร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ด้วย อาทิ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) รวมไปถึงพึ่งกระบวนการยุติธรรมในการฟ้องร้องต่อศาล เพื่อให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างของการใช้พื้นที่สาธารณสมบัติของชาติให้ตรงตามวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ พปส.ยังมีได้รับการร้องเรียนว่า บริษัทเอกชนหลายแห่งก็มีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำผิดในลักษณะนี้ โดยเฉพาะในส่วนของการทำโครงการหมู่บ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียม ที่หลายแห่งเลือกซื้อที่ตาบอด แล้วทำสะพานข้ามคลองหรือตัดถนนผ่านพื้นที่สาธารณะเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ แต่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในบริเวณใกล้เคียง และก่อให้เกิดปัญหาตามมา เช่น การกำแพงหรือถนนที่ปิดทางน้ำ ส่งผลต่อระบายน้ำ และทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้น โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างรวบรวมข้อมูล หากประชาชนมีข้อมูลในลักษณะนี้ก็สามารถแจ้งกับ พปส.เพื่อให้เข้าไปตรวจสอบและช่วยเหลือในการดำเนินการด้านกฎหมายได้
วันนี้ (3 ก.พ.) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.30 น. นายฉันทวิทย์ เทียมรัตนานนท์ เลขาธิการกลุ่มพิทักษ์กฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ (พปส.) พร้อมคณะได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ตรวจสอบการขออนุญาต และก่อสร้างสะพานลอยคนเดินข้ามถนนเชื่อมระหว่าง อาคารเซ็นทรัลเอ็มบาสซีพาร์ค และอาคารเซ็นทรัลชิดลม
นายฉันทวิทย์เปิดเผยว่า พปส.ได้พบข้อมูลจากเฟซบุ๊กของนายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย ที่เคยโพสต์ข้อสังเกตเกี่ยวกับการก่อสร้างสะพานลอยระหว่างเซ็นทรัลเอ็มบาสซีพาร์ค และอาคารเซ็นทรัลชิดลม ที่คร่อมซอยสมคิด และคลองสาธารณะเลียบซอยสมคิด ที่อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์การขออนุญาต และการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อนุญาต จึงได้ปรึกษาหารือกับนายอุเทนก่อนลงสำรวจพื้นที่ก็พบว่า สะพานดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของห้างฯ เท่านั้น ไม่ได้เป็นไปเพื่อสาธารณประโยชน์ เข้าข่ายการเอาเปรียบสังคม โดยการใช้ทรัพยากรส่วนรวมเพื่อผลประโยชน์ของคนเพียงกลุ่มเดียว จากนั้น พปส.ได้พยายามติดต่อขอข้อมูลข้อเท็จจริงจากทางห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รวมทั้งทำหนังสือให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เข้ามาตรวจสอบว่ามีการขออนุญาตก่อสร้างถูกต้องหรือไม่ แต่ทั้งสองหน่วยงานกลับเพิกเฉย จึงจำเป็นต้องเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่สังคม
“จากการลงพื้นที่และสอบถามความเห็นของประชาชนร่วมกับนายอุเทน ทั้งคนทำงานและผู้พักอาศัยในซอยสมคิด พบว่าในการก่อสร้างสะพานลอยดังกล่าวไม่มีการสอบถามความเห็นของประชาชนในพื้นที่ว่าต้องการสะพานลอยหรือไม่ จึงสงสัยว่ามีการก่อสร้างสะพานเชื่อมแห่งนี้ได้อย่างไร” นายฉันทวิทย์ระบุ
นายฉันทวิทย์กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ พปส.จะทำเรื่องยื่นร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ด้วย อาทิ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) รวมไปถึงพึ่งกระบวนการยุติธรรมในการฟ้องร้องต่อศาล เพื่อให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างของการใช้พื้นที่สาธารณสมบัติของชาติให้ตรงตามวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ พปส.ยังมีได้รับการร้องเรียนว่า บริษัทเอกชนหลายแห่งก็มีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำผิดในลักษณะนี้ โดยเฉพาะในส่วนของการทำโครงการหมู่บ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียม ที่หลายแห่งเลือกซื้อที่ตาบอด แล้วทำสะพานข้ามคลองหรือตัดถนนผ่านพื้นที่สาธารณะเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ แต่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในบริเวณใกล้เคียง และก่อให้เกิดปัญหาตามมา เช่น การกำแพงหรือถนนที่ปิดทางน้ำ ส่งผลต่อระบายน้ำ และทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้น โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างรวบรวมข้อมูล หากประชาชนมีข้อมูลในลักษณะนี้ก็สามารถแจ้งกับ พปส.เพื่อให้เข้าไปตรวจสอบและช่วยเหลือในการดำเนินการด้านกฎหมายได้
