หน.พรรคคนไทย แจงร่าง พ.ร.บ.ภาษีมรดกหวังแก้เหลื่อมล้ำคนรวย-จน และเป็นเครื่องมือกันโกง ไม่หนุนเก็บภาษีมรดกเกิน 50 ล้าน ชี้เพดานสูงไป ควรลดเก็บขั้นต่ำที่ 10-15 ล้าน เชื่อลดความโลภ หนุน กม.ภาษีครองที่ดิน ชี้ให้ชัดถือได้เท่าไหร่ มองแนวทางแก้โกงไม่เป็นรูปธรรม จี้รัฐออกกฎเข้ม เสนอแก้ พ.ร.บ.เงินตรา เหตุไม่เอื้อตรวจทรัพย์สิน กำหนดเวลานำธนบัตรเก่าแลก ชี้โยงคนรวยผิดปกติ
วันนี้ (4 ธ.ค.) นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีการรับมรดกที่อยู่ในการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า วัตถุประสงค์หลักของกฎหมายฉบับนี้ คือ การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของคนรวยคนจนในสังคม แต่อีกแง่หนึ่งตนเห็นว่ายังใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันการทุจริตได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ตนไม่เห็นด้วยในสาระสำคัญของกฎหมายที่กำหนดการจัดเก็บภาษีจากผู้รับมรดกเกินกว่า 50 ล้านบาทซึ่งเป็นเพดานที่สูงเกินไป โดยเห็นว่าควรกำหนดเพดานมรดกขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษีอยู่ที่ 10-15 ล้านบาทเท่านั้น หากกำหนดไว้เช่นนี้ก็จะสามารถช่วยลดความโลภโมโทสันของคนได้ นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้เร่งตรากฎหมายภาษีการถือครองที่ดิน โดยต้องกำหนดจำนวนการครอบครองที่ดินของแต่ละบุคคลให้ชัดเจนว่า สามารถมีที่ดินในครอบครองได้ไม่เกินเท่าใด เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงที่ดินของผู้ด้อยโอกาส
นายอุเทนกล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในการทุจริตในหมู่ข้าราชการ แต่จนถึงตอนนี้ตนก็ยังไม่เห็นแนวทางใดออกมาเป็นรูปธรรม ยิ่งเห็นข่าวอดีตนายตำรวจใหญ่ถูกดำเนินคดีพร้อมตรวจพบเงินสดและทรัพย์สินภายในบ้านมหาศาล คล้ายกับกรณีของอดีตปลัดกระทรวงเมื่อไม่นานมานี้ที่มีเงินสดในบ้านหลักพันล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่ว่าไม่ได้มาจากเงินเดือนกินเงินหลวงอย่างแน่นอน ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าข้าราชการไทยรวยแบบไร้ที่มาที่ไป ก็หนีไม่พ้นที่จะถูกมองทุจริตคอร์รัปชันกันมา ดังนั้น รัฐบาลและ คสช.หากตั้งใจและจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันต้องอาศัยโอกาสที่ตัวเองเข้ามามีอำนาจเด็ดขาดนี้ วางกลไกกฎเกณฑ์ในการป้องกันและปราบปรามเรื่องนี้ให้รัดกุม โดยมีกฎหมายหลายฉบับที่รัฐบาลและ คสช.ควรนำมาเป็นเครื่องมือ
นายอุเทนเสนอว่า รัฐบาลและ คสช.ควรหยิบยก พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ. 2501 ขึ้นมาแก้ไขปรับปรุง เชื่อว่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันได้เป็นอย่างดี เพราะตัวกฎหมายเดิมนั้นไม่เอื้ออำนวยให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินที่อาจจะได้มาโดยมิชอบ
“ควรมีการปรับแก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหรือสีธนบัตรทุกมูลค่าใหม่ทั้งหมด พร้อมกำหนดระยะเวลาวงรอบการเปลี่ยนแปลง และระยะเวลาในการนำธนบัตรเก่ามาแลกเปลี่ยนให้ชัดเจน โดยไม่มีการต่อเวลาในการแลกเปลี่ยนเด็ดขาด และในการแลกเปลี่ยนแต่ละครั้งนั้นต้องมีหลักฐานแสดงที่มาและหลักฐานการเสียภาษีของเงินนั้นๆ ด้วย หากแสดงที่มาที่ไปไม่ได้ก็ต้องยึดเงินส่วนนั้นคืนรัฐ เพียงเท่านี้ก็จะเป็นการตรวจสอบว่าใครร่ำรวยผิดปกติโดยอัตโนมัติ อีกทั้งเงินนอกระบบก็จะถูกดึงกลับเข้าสู่ระบบด้วย” นายอุเทนระบุ
นายอุเทนกล่าวด้วยว่า การแก้ไขกฎหมายเงินตราจะเป็นเครื่องมือสำคัญของการปราบปรามการทุจริต ที่สำคัญทำไม่ยาก ปรับเนื้อหาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่านายกฯ ประยุทธ์และ คสช.กล้าหรือไม่ที่จะทำเรื่องนี้ ในขณะที่ตัวเองมีอำนาจเบ็ดเสร็จในประเทศ และบอกว่าจะเอาจริงกับการแก้ไขปัญหาทุจริต