เลขาธิการกลุ่มพิทักษ์กฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ ร้องนายกฯ ตามนัด จี้สอบเซ็นทรัลทำทางเชื่อมคร่อมซอยชาวบ้าน ขู่ไม่คืบฟ้องศาลปกครอง ป.ป.ท.แน่
วันนี้ (17 ก.พ.) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.30 น. นายฉันทวิทย์ เทียมรัตนานนท์ เลขาธิการกลุ่มพิทักษ์กฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ (พปส.) พร้อมคณะ ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามเรื่องที่เคยยื่นหนังสือให้นายกฯ ตรวจสอบการขออนุญาตและก่อสร้างสะพานลอยคนเดินข้ามถนน เชื่อมระหว่างอาคารเซ็นทรัล เอ็มบาสซีปาร์ก และอาคารเซ็นทรัลชิดลม ไปเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดยนายฉันทวิทย์เปิดเผยว่า ทางกลุ่ม พปส.ได้ติดตามกรณีการก่อสร้างสะพานลอยคนเดินข้ามค่อมซอยสมคิดและคลองสาธารณะเพื่อเชื่อมระหว่างห้างเซ็นทรัลชิดลม กับห้างเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ปาร์ก ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 57 หลังจากที่ได้รับข้อมูลจากนายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย แต่ในการตรวจสอบกรณีนี้กลับไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากผู้บริหารของเครือเซ็นทรัล รวมทั้งกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่เพิกเฉยต่อการร้องเรียนของ พปส.มาโดยตลอด จนล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ก.พ. พปส.จึงได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ กทม.ขอใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ข้อมูลข่าวสารทางราชการ พ.ศ. 2540 เพื่อขอข้อมูลในการอนุญาตและการอนุมัติการก่อสร้างสะพานลอยดังกล่าว
“พปส.เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ มีการนำประโยชน์สาธารณะไปใช้เอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดเกินสมควร เป็นการเอาเปรียบสังคมส่วนรวม กทม.ในฐานะผู้รับผิดชอบไม่ออกมาชี้แจงใดๆ พปส.จึงมีความจำเป็นต้องนำเรื่องนี้มาร้องเรียนต่อนายกฯ เพื่อดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และหากยังไม่มีความคืบหน้า พปส.จะรวบรวมข้อมูลเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ให้เข้ามาตรวจสอบด้วย” นายฉันทวิทย์กล่าว
นายฉันทวิทย์กล่าวต่อว่า พปส.มีความติดใจสงสัยใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1. การก่อสร้างสะพานได้มีการได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างและเชื่อมสะพานลอยหรือไม่ และมีเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ตามแบบที่ขออนุญาตหรือไม่ 2. การอนุญาตให้ก่อสร้างสะพานลอยดังกล่าว ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตหรือไม่ และใช้ดุลพินิจเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นการเฉพาะหรือไม่ อย่างไร และ 3. มีการนำสะพานลอยคนเดินข้ามที่เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่อย่างไร