“เพื่อไทย” อัดยับ กมธ.ยกร่าง รธน.เสนอแพ้ซักฟอกต้องยุบสภา เหน็บเขียนเหมือนรู้ใครจะมาเป็นรัฐบาลสมัยหน้า แขวะไปลงสมัครให้ได้เป็น ส.ส.สักสมัยค่อยมาเขียน ด้าน ปชป.ค้านยุบสภาทันที หาก รบ.แพ้โหวตซักฟอก อัดลดอำนาจถ่วงดุลในสภา
วันนี้ (26 ก.พ.) นายชาญยุทธ เฮงตระกูล อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคไทยรักไทย และแกนนำ นปช.ภาคตะวันออก กล่าวถึงกรณีที่กรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ เสนอว่า หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจและมีการลงมติไม่ไว้วางใจสำเร็จ ซึ่งเป็นเหตุที่คณะรัฐมนตรีต้องพ้นไปนั้น ในร่างรัฐธรรมนูญใหม่ได้กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรต้องพ้นไปด้วยว่า คนที่กำลังเขียนรัฐธรรมนูญอยู่ในขณะนี้ควรที่จะไปลงสมัครรับเลือกตั้งให้ได้เป็น ส.ส.สักสมัยหนึ่งก่อนจะได้รู้เรื่องว่าการทำงานในสภาฯ นั้นควรจะเป็นอย่างไร วันนี้บอกว่าจะเข้ามาปฏิรูป ถามว่าจะปฏิรูปอะไร เพราะทั่วโลกเขาก็เอาประชาชนเป็นใหญ่ ให้คนที่ประชาชนเลือกเข้ามาเป็น ส.ส.กันทั้งนั้น วันนี้คนที่เข้ามาทำหน้าที่ปฏิรูป ไม่รู้หน้าที่ว่าต้องทำอะไร เขาตั้งเป้ามาให้แบบนี้ก็จะเดินไปแบบนั้น ไม่มีความละอาย หิริโอตัปปะไม่รู้จักกันเลยหรืออย่างไร มาตะแบงแล้วบอกว่าให้ปรองดองกัน มันจะทำแบบนั้นได้อย่างไร เพราะฝ่ายหนึ่งยังลอยนวล แต่อีกฝ่ายจะไปไหนมาไหนยังต้องคอยขออนุญาต
“วันนี้ถ้าไปหลอกเด็กอาจจะได้ แต่หลอก ส.ส.ไม่ได้หรอก อย่าเขียนรัฐธรรมนูญให้สุดโต่งจนคนเขารับไม่ได้ เพราะบ้านเมืองมันจะวุ่นวายขึ้นมาอีก เอาคนที่เป็นอดีตรัฐมนตรีหรืออดีต ส.ส.มาเขียนรัฐธรรมนูญยังดีกว่า จะได้รู้เรื่อง ไม่เขียนออกมาแล้วเลอะเทอะ เหมือนผัวเมีย ถ้าไม่รู้หน้าที่ก็มีแต่ทะเลาะกันตาย ทุกวันนี้อยู่บ้านกินข้าว เวลาลูกเมียถามไม่รู้สึกอายบ้างหรือ สมัยเด็กๆ ไม่เคยเรียนเรื่องศีลธรรมบ้างเลยหรืออย่างไร” นายชาญยุทธกล่าว
ด้านนายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขัดหลักการของสภานิติบัญญัติโดยสิ้นเชิง การอ้างว่าเพื่อไม่ให้มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจำนวนมากอย่างไม่มีเหตุผลสมควร และเพื่อเป็นกลไกปกป้องฝ่ายบริหารนั้น แสดงว่าต้องการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อไม่ให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพราะกลัวจะมีการยุบสภาฯ ใช่หรือไม่ เขียนเหมือนรู้ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลชุดหน้า การเขียนรัฐธรรมนูญแบบนี้เป็นการมัดมือมัดเท้าฝ่ายนิติบัญญัติ ผิดหลักเกณฑ์สากลอย่างชัดเจน เอาฝ่ายนิติบัญญัติไปพันกับฝ่ายบริหาร รัฐธรรมนูญแบบนี้มีแต่จะสร้างปัญหาในอนาคต
ขณะที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นเพียงการเขียนกฎหมายให้เข้มกว่าเดิมเฉยๆ ซึ่งการยุบสภานั้นหมายถึงการส่งสัญญาณว่า เมื่อสภาไม่ไว้วางใจก็ควรเริ่มต้นกันใหม่ แต่ปัญหาคือ ส.ส.จำนวนมากไม่อยากต้องไปเลือกตั้งใหม่บ่อยๆ เพราะเหนื่อย เสี่ยง และค่าใช้จ่ายเยอะ ดังนั้น การเขียนรัฐธรรมนูญแบบนี้จะทำให้ ส.ส.หลายคนโดยเฉพาะ ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลที่อยากลงมติไม่ไว้วางใจ กลัวว่ารัฐบาลอาจจะแพ้ จะต้องมีการยุบสภาฯ แล้วตัวเองจะซวยไปด้วย เหมือนสอยรัฐมนตรีแต่ตัวเองก็โดนสอยไปด้วย ตรงนี้ทำให้ ส.ส.กังวลที่จะโหวตตามความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับฝ่ายบริหารโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วสมาชิกสภาโหวตคว่ำ ว่าไม่ไว้วางใจนายกฯแล้วต้องยุบสภา การกำหนดแบบนี้จะทำให้แม้แต่ฝ่ายค้านเองยังแทบไม่อยากจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเลย เพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกยุบสภาไปด้วย ทั้งที่ควรจะกำหนดให้นายกฯและคณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งก็พอแล้ว ไม่ควรมีการยุบทั้งสภา เพราะยุบสภาไปฝ่ายบริหารหน้าเดิมๆก็อาจจะกลับเข้ามาใหม่ได้โดยผ่านการเลือกตั้ง ส่วนการที่อ้างว่ายังมีช่องทางอื่นในการตรวจสอบรัฐบาลอีกเช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ศาลรัฐธรรมนูญ หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้น เท่ากับว่าต้องการลดบทบาทอำนาจการตรวจสอบถ่วงดุลในสภาหรือไม่ ทั้งที่การตรวจสอบโดยระบบสภาคือความโปร่งใสที่ประชาชนทั้งประเทศจะสามารถรับรู้ได้ ดังนั้นอยากให้ กมธ.ทบทวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง