การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญนอกสถานที่ ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยในวันนี้ได้เริ่มพิจารณาที่ภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดี และระบบผู้แทนที่ดี ว่าด้วยเรื่องคณะรัฐมนตรี มีทั้งสิ้น 29 มาตรา และคาดว่าการพิจารณาจะเสร็จสิ้นในวันนี้ ซึ่งมีการกำหนดคุณสมบัติ อำนาจหน้าที่ ตลอดจนบทกำหนดโทษหากมีการกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ เมื่อเริ่มต้นการประชุม นายบวรศักดิ์ ได้กล่าวตำหนิการนำเสนอข่าวของสื่อบางสำนัก กรณีพาดหัวข่าวที่มาของวุฒิสภาที่ไม่ตรงกับความจริง เพราะผู้ที่ดำรงตำแหน่งวุฒิสภามาจากการคัดเลือกโดยผู้ทรงคุณวุฒิ และบุคคลหลากหลายอาชีพ พร้อมขอความร่วมมือสื่อมวลชนนำเสนอข่าวอย่างถูกต้อง รอบด้าน และไม่มีอคติ
สำหรับภาพรวมการประชุม 3 วันที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการฯ สามารถพิจารณาผ่านไปได้ 99 มาตรา ทั้งข้อกำหนดกับที่มา และองค์ประกอบของวุฒิสภา โดยได้เพิ่มบทบัญญัติในกรณีที่วุฒิสภาจะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบในการที่นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลฯ ให้ทรงแต่งตั้งรัฐมนตรีทั้งคณะ หรือเป็นรายบุคคล ให้วุฒิสภาดำเนินการแต่งตั้งแต่คณะกรรมาธิการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลดังกล่าว โดยจะมีมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในการนำเสนอนั้นไม่ได้ และแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับรายชื่อจากนายกรัฐมนตรี
ส่วนการพิจารณาที่ว่าด้วยเรื่องสภาคู่ มีการบัญญัติให้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวน ส.ส.เท่าที่มีอยู่ สามารถยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้โดยไม่ต้องเสนอรายชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ ทั้งนี้ เมื่อยื่นญัตติแล้ว นายกรัฐมนตรีไม่สามารถยุบสภาได้ ซึ่งหากสภาลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่ง จะมีผลให้พ้นจากตำแหน่ง และสภาผู้แทนราษฎรจะพ้นสภาพไปด้วย
ทั้งนี้ เมื่อเริ่มต้นการประชุม นายบวรศักดิ์ ได้กล่าวตำหนิการนำเสนอข่าวของสื่อบางสำนัก กรณีพาดหัวข่าวที่มาของวุฒิสภาที่ไม่ตรงกับความจริง เพราะผู้ที่ดำรงตำแหน่งวุฒิสภามาจากการคัดเลือกโดยผู้ทรงคุณวุฒิ และบุคคลหลากหลายอาชีพ พร้อมขอความร่วมมือสื่อมวลชนนำเสนอข่าวอย่างถูกต้อง รอบด้าน และไม่มีอคติ
สำหรับภาพรวมการประชุม 3 วันที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการฯ สามารถพิจารณาผ่านไปได้ 99 มาตรา ทั้งข้อกำหนดกับที่มา และองค์ประกอบของวุฒิสภา โดยได้เพิ่มบทบัญญัติในกรณีที่วุฒิสภาจะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบในการที่นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลฯ ให้ทรงแต่งตั้งรัฐมนตรีทั้งคณะ หรือเป็นรายบุคคล ให้วุฒิสภาดำเนินการแต่งตั้งแต่คณะกรรมาธิการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลดังกล่าว โดยจะมีมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในการนำเสนอนั้นไม่ได้ และแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับรายชื่อจากนายกรัฐมนตรี
ส่วนการพิจารณาที่ว่าด้วยเรื่องสภาคู่ มีการบัญญัติให้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวน ส.ส.เท่าที่มีอยู่ สามารถยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้โดยไม่ต้องเสนอรายชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ ทั้งนี้ เมื่อยื่นญัตติแล้ว นายกรัฐมนตรีไม่สามารถยุบสภาได้ ซึ่งหากสภาลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่ง จะมีผลให้พ้นจากตำแหน่ง และสภาผู้แทนราษฎรจะพ้นสภาพไปด้วย