“นิคม” ชี้เคาะที่มา ส.ว.เลือกตั้งโดยอ้อม หนักกว่าสภาผัวเมีย ค้านซักฟอกต้องยุบสภา

อดีตประธานวุฒิฯ เตือน กมธ.ยกร่างฯ กำหนดที่มา ส.ว.เลือกตั้งโดยอ้อมไม่เกิน 200 คน อันตรายลดอำนาจ ปชช. เพิ่มอำนาจอดีต ขรก. ยิ่งกว่าสภาผัวเมีย หนักกว่าถ้าเลือกนายกฯ ได้ ส่อประโยชน์ทับซ้อน ฉะไร้เหตุผล เป็นไปไม่ได้ เคาะให้ยุบสภาหากถูกมติไม่ไว้วางใจ

วันนี้ (26 ก.พ.) นายนิคม ไวรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญกำหนดให้ที่มาของสมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งโดยอ้อมจำนวนไม่เกิน 200 คนว่า เรื่องนี้อันตรายเพราะเป็นการลดอำนาจประชาชน เพิ่มอำนาจอดีตข้าราชการของรัฐเข้ามาในสัดส่วนของ ส.ว.สรรหา เพื่อให้มาทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอีกทีหนึ่งจะอันตรายมากไปอีกหากมีการเพิ่มอำนาจให้ ส.ว.มีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรีได้ จะยิ่งกลายเป็นพรรคการเมืองของข้าราชการขนาดใหญ่ และอันตรายกว่าคำว่าสภาผัวเมียอย่างที่เคยว่ากันไว้แน่ เนื่องจากการปฏิบัติงานจะพัวพัน ถูกใช้เป็นเครื่องมือดำเนินการเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะผู้ตรวจสอบกับผู้ถูกตรวจสอบมาจากแหล่งที่มาเดียวกัน ถามว่าเรื่องนี้จะผ่านความเห็นชอบของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) หรือไม่ ตนคงไม่ต้องวิจารณ์ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่สปช.ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันจะคัดค้าน อีกทั้งคนเขียนรัฐธรรมนูญรอบนี้ เคยออกแบบหรือลองผิดลองถูกมาหลายครั้งแล้ว ย่อมทราบและรู้ดีว่าเขียนรัฐธรรมนูญแบบไหนจะเกิดผลแบบใด

ส่วนกรณีที่ กมธ.ยกร่างฯ กำหนดว่าหากนายกฯ ถูกลงมติไม่ไว้วางใจให้ยุบสภานั้น นายนิคมกล่าวว่า เป็นตรรกะที่ไร้เหตุผล เป็นไปไม่ได้ เพราะมันหยิกเล็กแล้วเจ็บเนื้อ หรือหากจะเป็นไปได้ ผู้นั้นต้องมีหัวใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่องจริงๆ โดยประชาชนจึงต้องจำใจ หากมีการทำประชามติรับหรือไม่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือถ้าจะลงคะแนนให้ผ่าน ก็ต้องยอมน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออก แต่ถ้าไม่ลงคะแนนผ่านประชามติให้ก็กลัวเสียเวลาเสียของ เพราะต้องยอมรื้อนับหนึ่งกระบวนการกันใหม่ และคนที่รอการเลือกตั้งก็รออย่างกระหายกันต่อไป เพราะวันนี้ไม่ใช่วาระของประชาชน