xs
xsm
sm
md
lg

“แก้วสรร” ซัด “บวรศักดิ์” ก่อวิกฤตยังเสนอหน้าแก้ไข้ชาติ - ปชป.ปูด ขรก.เกษียณนั่ง กก.ปรองดอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แก้วสรร อติโพธิ (ภาพจากแฟ้ม)
แกนนำกลุ่มไทยสปริง อัด ปธ.กมธ.ยกร่างฯ ตัวการหนุนทุนสามานย์ผ่านรัฐธรรมนูญปี 2540 จนชาติพัง ยังกล้าเสนอหน้าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไข้ประเทศไทย กังขา คสช.ไม่เช็กบิลคนโกง โดดเดี่ยว ป.ป.ช. วอนเร่งสางคดีคอร์รัปชันก่อนเข้าโหมดเลือกตั้ง ด้านทีมกฎหมาย ปชป.ปูดล็อกสเปกให้สิทธิ ขรก.เกษียณนั่ง กก. ปรองดอง จี้สรรหาบุคคลที่มีความรู้ทำหน้าที่ เตือนอภัยโทษผู้ต้องหาคดีอาญาเกิดแรงต้านทันที

วันนี้ (22 ก.พ.) นายแก้วสรร อติโพธิ แกนนำกลุ่มไทยสปริง ได้วิจารณ์การร่างรัฐธรรมนูญของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่าประเทศไทยมีสภาพเป็นไข้รุม เขียนรัฐธรรมนูญต้องมีเป้าหมาย เป็นไข้ต้องรักษา ความขัดแย้งต้องยุติ ประเทศจึงจะพ้นวิกฤต ฟังความเห็นนายบวรศักดิ์ที่ดำริจะสร้างกลไกคณะกรรมการปฏิรูปและปรองดอง เพื่อเป็นคนกลางดึงคู่ขัดแย้งทางการเมืองให้มาหันหน้าเข้าหากัน เห็นว่าความขัดแย้งหรือไข้รุมที่เขาว่ามันเป็นแค่อาการของมะเร็งที่กำลังก่อตัวเท่านั้น ที่จริงมันต้องปราบเนื้อร้ายแล้วฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาจึงจะรอดหายนะได้

“มะเร็งที่ว่านี้ อันที่จริงนายบวรศักดิ์มีส่วนก่อขึ้นมาโดยตรงเลย ในคราวเป็นเลขาฯ และผลักดันร่างรัฐธรรมนูญ ปี 40 ทุ่มเทวางกลไกให้พรรคการเมืองเข้มแข็งเหนือ ส.ส. และรัฐบาลเข้มแข็งเหนือฝ่ายค้าน จากนั้นจึงมาสร้างกลไกอิสระคอยตรวจสอบ การใช้อำนาจของเสียงข้างมากด้วยมาตรการทางกฎหมายอีกชั้นหนึ่ง กลไกอย่างนี้มันไปเป็นประกันการลงทุนทางการเมืองของนายทุน ที่จับมือกันทุ่มทุนเป็นพันล้านสร้างเผด็จการพรรคการเมืองขึ้นมา จนกลายเป็นทรราชจากหีบเลือกตั้งที่แข็งขืนต่อกฎหมายตลอดเวลา เกิดผู้คนลุกฮือขึ้นสู้เป็นสองระลอก ทั้งพันธมิตรฯ และ กปปส. แล้วจบด้วยคำสัญญาของ คสช.ในวันนี้ว่าจะคืนความสุขให้เราในที่สุด” นายแก้วสรรกล่าว

นายแก้วสรรระบุอีกว่า ความคิดและความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เผด็จการพรรคการเมืองนายทุนอัดฉีดลงไปในสังคมไทย ทำให้สลายตัวจนเสียไปทั้งภราดรภาพที่จะอยู่ด้วยกัน เสียทั้งความเสมอภาคในการมีส่วนร่วมและแบ่งปันกัน และเสรีภาพในการสื่อสารถึงกัน จนมาถึงการข่มเหงรังแกล่วงสิทธิพื้นฐานในความคิด ชีวิต ร่างกาย ของผู้อื่นในที่สุด หากไม่ขุดรากถอนโคนทั้งความคิดและความเคลื่อนไหวของเผด็จการนี้ เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็เละอีก รุนแรงอีก โดยพรรคการเมืองต้องไม่ใช่ลิ่มตอกประเทศให้แตกออกจากกัน เป็นภาคนั้นภาคนี้ ต้องไม่ใช่คลังสินค้าประชานิยม เอาเงินส่วนรวมมาแปลงเป็นสินบนทางการเมืองให้ผู้คนในรูปต่างๆ จนประชาธิปไตยกลายเป็นการอุปถัมภ์อย่างเป็นระบบ และการเงินการคลังเสียหายเป็นล้านล้านบาทอย่างทุกวันนี้ ที่สำคัญจะต้องไม่จัดตั้งขบวนการมวลชน และใช้ตำรวจกับอันธพาลทำร้ายฆ่าฟันผู้คนด้วย

“ทั้งหมดนี้คือเผด็จการพรรคการเมืองที่ ดร.บวรศักดิ์เขียนรัฐธรรมนูญปี 40 ประกันการลงทุนของพวกนายทุนสามานย์ไว้ พอปีศาจตัวนี้กำเริบขึ้นมาในเสื้อคลุมประชาธิปไตย ก็อาละวาดทำประเทศเสียหายมาจนทุกวันนี้ แล้วปีนี้คนฉลาดที่ผิดพลาดไปแล้วคนนี้ ก็มาเสนอหน้าจะเขียนรัฐธรรมนูญ” นายแก้วสรรกล่าว

นายแก้วสรรยืนยันว่า เราต้องเห็นไปถึงเบื้องลึกของความแตกแยกว่ามันไม่ใช่ความจงเกลียดจงชังระหว่างคนขาวคนดำ ระหว่างฮินดูกับมุสลิม ระหว่างไทยพุทธกับไทยมุสลิม แต่มันมาจากความคิดความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ไม่ถูกต้องในทศวรรษที่ผ่านมา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องสนับสนุนคุ้มครองให้กลไกกฎหมายทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุด ต้องตีแผ่กระจายข้อมูลความคิดความรู้เท่าทันเผด็จการนี้ไปทั้งประเทศ แล้วจึงสร้างกฎหมายที่รัดกุมไม่ให้เผด็จการนี้ก่อตัวขึ้นอีก ปรับปรุงทั้งระบบพรรคการเมือง ระบบเลือกตั้ง ระบบรัฐบาล การใช้สื่อมวลชน หากรักษาได้ถึงสมมติฐานตามนี้ อาการไข้หรือความแตกแยกบนผิวพื้นจะลดลง คนเลวควรจะต้องคดีหมด ส่วนพรรคเพื่อไทยก็จะกลับมาเข้าที่เข้าทางเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองได้ เพราะคนดีคนเก่งของเขาก็ยังมีอยู่ไม่น้อย

“คสช.ควรต้องยืนให้ชัดว่ากำลังจะไล่เผด็จการออกจากประชาธิปไตย ซึ่งหนึ่งมาตรการสำคัญในนั้น ก็คือการใช้กฎมายอย่างเฉียบขาด ทั่วถึง และฉับพลัน ไม่ใช่เอาแต่อ้าปากบอกผู้คนให้ยึดถือกฎหมายกันเท่านั้น ยิ่งคดีคอร์รัปชั่นต้องสปีดสูงสุดเลย เพราะถ้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งแล้ว พยานจะกลับคำหรือหายหน้าไปหมด เหมือนหลายคดีสำคัญในคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) พอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรีพยาน ก็กลับคำกันเป็นแถว ข้าราชการดีๆ เก่งๆ ที่มาช่วยงาน คตส. พอกลับกรมกองก็โดนรังแกเหยียบย่ำสิ้นอนาคตไปหลายคน ไม่มีใครช่วยอะไรได้ มันชัดเจนว่าบ้านเรานี้ ถ้าฝ่ายเผด็จการมีแรง กฎหมายก็หมดแรงทุกทีไป ปัจจุบันงานกฎหมายจัดการเผด็จการในยุค คสช.ก็ล้มเหลว ยืนดูปล่อย ป.ป.ช.กระเสือกกระสนอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น มันไปไหนไม่ได้แน่นอน”

แกนนำไทยสปริงกล่าวว่า คสช.ต้องประกาศภารกิจของตนว่าเป็นประชาธิปไตย เข้ามาขับไล่เผด็จการพรรคการเมืองออกจากระบบผู้แทนไทยให้ชัดเจนแต่แรก แล้วเชิญทูตทุกประเทศไปดูข้าวเน่าตามโกดังทั่วประเทศ ไปเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตทั่วประเทศ จัดการประชุมสัมมนานานาชาติ หัวข้อ “ความล่มสลายของประชาธิปไตย” ว่าด้วยเผด็จการจากหีบเลือกตั้ง มีสาระว่าเมื่อใดคนส่วนใหญ่ถูกทำให้เห็นว่าการปกครองคือการส่งผู้แทนไปยักยอกประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นของตนแล้ว ผู้คนในแผ่นดินจะแตกแยกเป็นเสี่ยง คนฉวยโอกาสจะขึ้นเป็นใหญ่ คนตลบตะแลงจะรุ่งเรือง อันธพาลจะกำเริบ ทำให้ชัดเจนเป็นที่เข้าใจเสียแต่แรกสถานการณ์สากลของไทยจะดีกว่านี้มาก

ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการอิสระสร้างความปรองดองแห่งชาติ ว่าตนเห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าว เพราะเป็นการทำให้คนไทยหันหน้ามาพูดคุยกัน เราไม่ขัดข้องที่จะมีคณะบุคคลมาทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศ แต่เราต้องขอย้ำว่าการอภัยโทษหรือการนิรโทษกรรมนั้นต้องไม่ทำให้ผิดเป็นถูก แต่จะต้องอภัยโทษแก่ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด โดยเฉพาะผู้ที่ชุมนุมทางการเมืองทั้งหลายต้องคืนสิทธิให้เขาเหล่านั้น ส่วนผู้ที่กระทำผิดคดีอาญา คอร์รัปชัน คดีความมั่นคง หรือแกนนำทางการเมือง ตนไม่เห็นด้วยที่จะอภัยโทษให้

“ถ้าอภัยโทษให้แก่บุคคลที่กระทำผิดคดีเหล่านั้นจะมีแรงต้านจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยทันที และคณะกรรมการฯ ที่ตั้งมาจะเสียของ ส่วนคุณสมบัตินั้น เท่าที่เห็นเป็นการล็อกสเปกให้เฉพาะข้าราชการที่เกษียณอายุแล้วเท่านั้น ความหลากหลายทางความรู้ ความสามารถมีไม่เพียงพอ จึงขอเรียกร้องให้สรรหาบุคคลที่มีความหลาหลาย และขอให้มองอย่างเป็นธรรม อย่ามองว่านักการเมืองเป็นคนชั่ว คนเลวไปหมด เพราะนักการเมืองที่ดีก็มี” นายวิรัตน์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น