เตรียมยื่นหนังสือถึงนายกฯ-ประธาน สปช. วันที่ 24 ก.พ. คว่ำบาตรกรรมการปฏิรูปศาสนา ระบุกรรมการบางคนสุดโต่งการเมือง
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ พระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) กล่าวก่อนการประชุมกรรมการ สนพ.ว่า ขณะนี้องค์กรพุทธและ สนพ.ได้ประชุมหารือกันแล้ว โดยในเบื้องต้นในวันที่ 24 ก.พ.นี้ องค์กรพุทธ และสนพ.จะส่งผู้แทนไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธาน คสช. รวมถึง นายเทียนฉาย กีระนันท์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อขอให้ยกเลิกการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ทั้งนี้ องค์กรพุทธและ สนพ.ขอโต้แย้งว่า คณะสงฆ์ไม่ได้ปิดกั้นการตรวจสอบหรือช่วยกันปรับปรุงโครงสร้างต่างๆ ให้ดีขึ้น แต่บุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่ควรเป็นบุคคลที่เป็นกลาง ไม่ใช่พวกสุดโต่ง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่คณะสงฆ์จะยอมรับได้ อีกทั้งมีการประกาศตรวจสอบการทำงานของมหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากใน มส.นั้นเป็นพระเถรชั้นผู้ใหญ่ ที่ทางคณะกรรมการฯ ควรจะให้เกียรติบ้าง อย่างไรก็ตาม คณะสงฆ์ไม่เคยปิดกั้นเกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปพระพุทธศาสนา เพราะคณะสงฆ์ก็อยากเห็นพระพุทธศาสนามั่นคงงดงามเช่นกัน แต่อยากให้ทางคณะกรรมการฯ มาอย่างเหมาะสมและให้เกียรติพระเถระชั้นผู้ใหญ่ด้วย และไม่เคยมีรัฐบาลไหนมีการตั้งฆราวาสมาปกครองคณะสงฆ์ ซึ่งพระไม่ได้กลัว แต่คนที่เข้ามาไม่ควรเป็นคนที่มีมิจฉาทิฏฐิ
“องค์กรพุทธอยากให้ สปช.ทบทวนใน 2 เรื่องใหญ่ คือ 1. วิธีการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ได้มีการคัดเลือกบุคคลที่สุดโต่งทางการเมืองและศาสนาเข้ามาทำหน้าที่ อาจจะก่อให้เกิดปัญหาความแตกแยกได้ 2. เหตุผลของการตั้งคณะกรรมการ โดยตั้งสมมุติฐานว่า คณะสงฆ์บริหารงานมีแต่ปัญหา มีแต่ความแตกแยก เกิดจาก พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และประชาชนไม่ได้มามีส่วนร่วมในการบริหารกิจการพระพุทธศาสนา เป็นสมมุติฐานที่ผิด ดังนั้น จึงอยากให้ทบทวนหรือยกเลิกคณะกรรมการชุดดังกล่าว หากตั้งใจจริงที่จะมาปฎิรูปพระพุทธศาสนา ควรมาหารือกับคณะสงฆ์ โดยเฉพาะมส.ว่า คิดเห็นอย่างไร มีปัญหาการทำงานจุดไหน ที่ทางฝ่ายบ้านเมืองจะช่วยแก้ไขได้ จะเป็นประโยชน์มากกว่า ซึ่งการแก้ไขปัญหาพระพุทธศาสนาทั้งฝ่ายบ้านเมืองและคณะสงฆ์ต้องช่วยกัน แต่การประกาศตัวว่าจะตรวจสอบเล่นงานพระรูปนั้นรูปนี้ ถือว่าไม่เคารพวัฒนธรรมองค์กรสงฆ์ และพระสงฆ์เลย อย่างนี้จะมาเขียนกฎหมายที่จะปรับปรุงกิจการพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ตนจะประสานผู้บริหารกับสมาคมศิษย์เก่า และองค์กรนิสิตมจร. ว่าจะมีความเคลื่อนไหวออกมาอย่างไรด้วย” พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าว
พระเมธีธรรมาจารย์กล่าวว่า สิ่งที่พระพุทธอิสระทำ พระสงฆ์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย พร้อมจะปกป้องคณะสงฆ์ และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งอยากเรียกร้องฝ่ายรัฐว่า สิ่งที่พระพุทธอิสระทำ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นการละเมิดกฎอัยการศึกหรือไม่ ที่มีการติดอาวุธเข้าไปในวัด เหมาะสมหรือไม่ และอย่านำการเมืองมาเล่นกับพระพุทธศาสนา หากจะมีการตรวจทรัพย์สินของพระ ทางคณะสงฆ์ก็ไม่ได้กลัวที่จะถูกตรวจสอบ
ด้าน ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา กล่าวว่า พระพุทธอิสระปลุกปั่นผ่านสื่อออนไลน์ หรือปลุกระดมคนไปชุมนุมกันที่วัดปากน้ำ ฝากถามรัฐบาลว่าเป็นการละเมิดกฎอัยการศึกหรือไม่ ในขณะเดียวกันมีการส่งทหารติดอาวุธครบมือไปอารักขาพระพุทธอิสระ ภายในวัดปากน้ำ ประหนึ่งสำคัญกว่า ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จึงอยากฝากคำถามว่า เป็นไม่เคารพประมุขสงฆ์เป็นการทำที่ถูกต้องหรือไม่ด้วย และอย่าให้เกิดสองมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม การไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีหรือประธาน สปช. ทางคณะจะไม่ละเมิดต่อกฎอัยการศึก
“การกล่าวพาดพิง มส.สามารถทำได้ แต่การทำงานของมส.จะอิงพระธรรมวินัย และพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ซึ่งมีสิทธิและหน้าที่ในการดำเนินงาน ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นแนวร่วมเดียวกับพระพุทธอิสระ ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่า มส.อ่อนแอ จึงอยากให้มีการตั้งองค์กรที่มาปฏิรูป มส. โดยคณะกรรมการปฏิรูปเกือบทั้งชุดล้วนเกี่ยวข้องทางการเมือง อาจจะมองคณะสงฆ์เป็นฝ่ายตรงข้ามเป็นอีกสีเสื้อหนึ่ง และเชื่อมโยงกับธรรมกาย ทำให้เห็นว่า เป็นการนำการเมืองมาครอบนำคณะสงฆ์ ตนเชื่อว่า คณะสงฆ์ไม่ได้เลือกฝ่าย ทำให้ทุกฝ่ายไม่สบายใจเรื่องที่เกิดขึ้น ที่จะทำให้พระพุทธศาสนาเกิดความแตกแยก” ดร.เมธาพันธ์กล่าว
ผศ.ดร.เสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา กล่าวว่า จากการตรวจสอบรายชื่อคณะกรรมการปฏิรูปฯ พบว่า มี 1 คนเป็นเลขาฯ ของพระพุทธะอิสระ ซึ่งคณะกรรมการส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเมืองอีกฝ่าย ทั้งที่ต้องการปฏิรูปคณะสงฆ์แต่กลับไม่มีการตั้งคณะกรรมการที่มาจากฝ่ายสงฆ์เลย จึงขอคัดค้านการแต่งตั้งกรรมการชุดดังกล่าว
ขณะที่ พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ทางวัดพระธรรมกายจะยังไม่มีการแถลงข่าวหรือชี้แจงแต่อย่างใด และไม่ขอแสดงความคิดเห็นหรือให้สัมภาษณ์กรณีใดๆ ทั้งสิ้น ทางตนและทางวัดขออยู่อย่างสงบ
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ พระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) กล่าวก่อนการประชุมกรรมการ สนพ.ว่า ขณะนี้องค์กรพุทธและ สนพ.ได้ประชุมหารือกันแล้ว โดยในเบื้องต้นในวันที่ 24 ก.พ.นี้ องค์กรพุทธ และสนพ.จะส่งผู้แทนไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธาน คสช. รวมถึง นายเทียนฉาย กีระนันท์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อขอให้ยกเลิกการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ทั้งนี้ องค์กรพุทธและ สนพ.ขอโต้แย้งว่า คณะสงฆ์ไม่ได้ปิดกั้นการตรวจสอบหรือช่วยกันปรับปรุงโครงสร้างต่างๆ ให้ดีขึ้น แต่บุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่ควรเป็นบุคคลที่เป็นกลาง ไม่ใช่พวกสุดโต่ง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่คณะสงฆ์จะยอมรับได้ อีกทั้งมีการประกาศตรวจสอบการทำงานของมหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากใน มส.นั้นเป็นพระเถรชั้นผู้ใหญ่ ที่ทางคณะกรรมการฯ ควรจะให้เกียรติบ้าง อย่างไรก็ตาม คณะสงฆ์ไม่เคยปิดกั้นเกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปพระพุทธศาสนา เพราะคณะสงฆ์ก็อยากเห็นพระพุทธศาสนามั่นคงงดงามเช่นกัน แต่อยากให้ทางคณะกรรมการฯ มาอย่างเหมาะสมและให้เกียรติพระเถระชั้นผู้ใหญ่ด้วย และไม่เคยมีรัฐบาลไหนมีการตั้งฆราวาสมาปกครองคณะสงฆ์ ซึ่งพระไม่ได้กลัว แต่คนที่เข้ามาไม่ควรเป็นคนที่มีมิจฉาทิฏฐิ
“องค์กรพุทธอยากให้ สปช.ทบทวนใน 2 เรื่องใหญ่ คือ 1. วิธีการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ได้มีการคัดเลือกบุคคลที่สุดโต่งทางการเมืองและศาสนาเข้ามาทำหน้าที่ อาจจะก่อให้เกิดปัญหาความแตกแยกได้ 2. เหตุผลของการตั้งคณะกรรมการ โดยตั้งสมมุติฐานว่า คณะสงฆ์บริหารงานมีแต่ปัญหา มีแต่ความแตกแยก เกิดจาก พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และประชาชนไม่ได้มามีส่วนร่วมในการบริหารกิจการพระพุทธศาสนา เป็นสมมุติฐานที่ผิด ดังนั้น จึงอยากให้ทบทวนหรือยกเลิกคณะกรรมการชุดดังกล่าว หากตั้งใจจริงที่จะมาปฎิรูปพระพุทธศาสนา ควรมาหารือกับคณะสงฆ์ โดยเฉพาะมส.ว่า คิดเห็นอย่างไร มีปัญหาการทำงานจุดไหน ที่ทางฝ่ายบ้านเมืองจะช่วยแก้ไขได้ จะเป็นประโยชน์มากกว่า ซึ่งการแก้ไขปัญหาพระพุทธศาสนาทั้งฝ่ายบ้านเมืองและคณะสงฆ์ต้องช่วยกัน แต่การประกาศตัวว่าจะตรวจสอบเล่นงานพระรูปนั้นรูปนี้ ถือว่าไม่เคารพวัฒนธรรมองค์กรสงฆ์ และพระสงฆ์เลย อย่างนี้จะมาเขียนกฎหมายที่จะปรับปรุงกิจการพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ตนจะประสานผู้บริหารกับสมาคมศิษย์เก่า และองค์กรนิสิตมจร. ว่าจะมีความเคลื่อนไหวออกมาอย่างไรด้วย” พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าว
พระเมธีธรรมาจารย์กล่าวว่า สิ่งที่พระพุทธอิสระทำ พระสงฆ์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย พร้อมจะปกป้องคณะสงฆ์ และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งอยากเรียกร้องฝ่ายรัฐว่า สิ่งที่พระพุทธอิสระทำ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นการละเมิดกฎอัยการศึกหรือไม่ ที่มีการติดอาวุธเข้าไปในวัด เหมาะสมหรือไม่ และอย่านำการเมืองมาเล่นกับพระพุทธศาสนา หากจะมีการตรวจทรัพย์สินของพระ ทางคณะสงฆ์ก็ไม่ได้กลัวที่จะถูกตรวจสอบ
ด้าน ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา กล่าวว่า พระพุทธอิสระปลุกปั่นผ่านสื่อออนไลน์ หรือปลุกระดมคนไปชุมนุมกันที่วัดปากน้ำ ฝากถามรัฐบาลว่าเป็นการละเมิดกฎอัยการศึกหรือไม่ ในขณะเดียวกันมีการส่งทหารติดอาวุธครบมือไปอารักขาพระพุทธอิสระ ภายในวัดปากน้ำ ประหนึ่งสำคัญกว่า ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จึงอยากฝากคำถามว่า เป็นไม่เคารพประมุขสงฆ์เป็นการทำที่ถูกต้องหรือไม่ด้วย และอย่าให้เกิดสองมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม การไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีหรือประธาน สปช. ทางคณะจะไม่ละเมิดต่อกฎอัยการศึก
“การกล่าวพาดพิง มส.สามารถทำได้ แต่การทำงานของมส.จะอิงพระธรรมวินัย และพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ซึ่งมีสิทธิและหน้าที่ในการดำเนินงาน ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นแนวร่วมเดียวกับพระพุทธอิสระ ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่า มส.อ่อนแอ จึงอยากให้มีการตั้งองค์กรที่มาปฏิรูป มส. โดยคณะกรรมการปฏิรูปเกือบทั้งชุดล้วนเกี่ยวข้องทางการเมือง อาจจะมองคณะสงฆ์เป็นฝ่ายตรงข้ามเป็นอีกสีเสื้อหนึ่ง และเชื่อมโยงกับธรรมกาย ทำให้เห็นว่า เป็นการนำการเมืองมาครอบนำคณะสงฆ์ ตนเชื่อว่า คณะสงฆ์ไม่ได้เลือกฝ่าย ทำให้ทุกฝ่ายไม่สบายใจเรื่องที่เกิดขึ้น ที่จะทำให้พระพุทธศาสนาเกิดความแตกแยก” ดร.เมธาพันธ์กล่าว
ผศ.ดร.เสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา กล่าวว่า จากการตรวจสอบรายชื่อคณะกรรมการปฏิรูปฯ พบว่า มี 1 คนเป็นเลขาฯ ของพระพุทธะอิสระ ซึ่งคณะกรรมการส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเมืองอีกฝ่าย ทั้งที่ต้องการปฏิรูปคณะสงฆ์แต่กลับไม่มีการตั้งคณะกรรมการที่มาจากฝ่ายสงฆ์เลย จึงขอคัดค้านการแต่งตั้งกรรมการชุดดังกล่าว
ขณะที่ พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ทางวัดพระธรรมกายจะยังไม่มีการแถลงข่าวหรือชี้แจงแต่อย่างใด และไม่ขอแสดงความคิดเห็นหรือให้สัมภาษณ์กรณีใดๆ ทั้งสิ้น ทางตนและทางวัดขออยู่อย่างสงบ
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
กำลังโหลดเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น