xs
xsm
sm
md
lg

สั่งเลื่อนยื่นซองสัมปทานปิโตรเลียม รอบ 21 กพช.รับทราบราคาไฟฟ้า - น้ำมันปี 58 จะปรับลดต่อเนื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน (แฟ้มภาพ)
นายกฯ ในฐานะประธาน กพช. สั่งเปิดฟังความเห็นประชาชนเต็มที่ ให้ทีมงานชี้แจงกลุ่มที่ไม่เข้าใจ กรณีรัฐบาลเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบ 21 ในวันที่ 20 ก.พ. นี้ พร้อมให้เลื่อนเปิดรับซองออกไปอีก 1 เดือน ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 18 ก.พ. นี้ ออกไปถึงวันที่ 16 มี.ค. 58 ด้าน กพช. รับทราบราคาค่าไฟฟ้า - ค่าน้ำมันในปี 58 จะลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับอานิสงส์จากราคาแก๊สที่ใช้ผลิตไฟฟ้าปรับลดลง เป็นประโยชน์กับโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้าในการผลิตเป็นหลัก

วันนี้ (16 ก.พ.) นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบให้เลื่อนการเปิดให้เอกชนยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมภายใต้สัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 18 ก.พ. นี้ ออกไปถึงวันที่ 16 มี.ค. 58 เพื่อเปิดรับฟังความเห็น และตอบข้อสงสัยประชาชนในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเปิดสัมปทานครั้งนี้ ในวันที่ 20 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมยังรับทราบ รายงานถึงแนวโน้มสถานการณ์พลังงานในปี 2558 ซึ่งมีอัตราการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 53 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลงจากปี 2557 ซึ่งอยู่ในระดับเฉลี่ย 97 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือลดลงถึง 45% และอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 3.79 บาท/หน่วย ลดลงจากเฉลี่ยปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 3.93 บาท/หน่วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน

“รับทราบรายงานแนวโน้มราคาค่าไฟฟ้า และค่าน้ำมันในปี 58 โดยราคาค่าไฟฟ้าจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับอานิสงส์จากราคาแก๊สที่ใช้ผลิตไฟฟ้าปรับลดลง ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าที่จะประกาศในปี 58 ทุกครั้งในการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีแนวโน้มปรับลดลงอีก ซึ่งถือเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรม โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้าในการผลิตเป็นหลัก”

รายงานระบุว่า กระทรวงพลังงานได้รายงานแผนการหยุดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซธรรมชาติ ปี 2558 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของไทย โดยในช่วงครึ่งปีแรก ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติในสหภาพเมียนมาร์จะหยุดซ่อมบำรุง 2 ช่วงเวลาคือ 11 - 19 เมษายน และ 20 - 27 เมษายน

ส่วนครึ่งปีหลัง แหล่งผลิตก๊าซ JDA พื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย ก็จะหยุดซ่อมบำรุงช่วงเดือนมิถุนายน และกันยายน ซึ่งทางกระทรวงพลังงานขอยืนยันว่า ได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์ดังกล่าวไว้พร้อมแล้ว ทั้งการจัดซักซ้อมแผนรองรับสภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานในวันที่ 18 มีนาคม 2558 การกำกับดูแลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมดำเนินการตามแผน โดยได้มีการขอความร่วมมือกับประเทศมาเลเซียให้มีการจัดส่งก๊าซฯเพิ่ม และใช้น้ำมันเตามาผลิตไฟฟ้าแทน ซึ่งเป็นช่วงจังหวะที่ดีเพราะราคาน้ำมันเตาราคาถูกลง ขณะเดียวกันจะรณรงค์กับทุกภาคส่วนร่วมกันประหยัดพลังงานในช่วงเวลาดังกล่าว

สำหรับมติ กพช. ที่สำคัญ ที่ประชุมพิจารณาเรื่องการรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตจากขยะอุตสาหกรรมเพื่อให้การจัดการขยะเป็นไปอย่างครบวงจรและครอบคลุมขยะทุกประเภท เพราะก่อนหน้านี้ขยะชุมชนได้มีการส่งเสริมไปแล้ว โดยมีมติเห็นชอบให้รับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมในปริมาณ 50 เมกะวัตต์ โดยนับเป็นส่วนเพิ่มจากเป้าหมายตามกรอบแผน AEDP และกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าพิเศษจากขยะอุตสาหกรรมในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับการประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนปี 2558 - 2562 โดยแนวทางส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมนั้นมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) รับไปพิจารณาให้ความเห็นชอบในรายละเอียด และตั้งอนุกรรมการเพื่อออกหลักเกณฑ์และคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ พร้อมรายงานความคืบหน้าต่อ กพช. เป็นระยะต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบตามหลักการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ที่ผลิตไฟฟ้าด้วยระบบผลิตพลังงานร่วม (Cogeneration) ประเภทสัญญา Firm ในกลุ่มที่รับซื้อไฟฟ้ารอบก่อนปี 2550 ซึ่งกำลังจะทยอยสิ้นสุดอายุสัญญาในปี 2560 - 2568 จำนวน 25 โครงการ ทั้งนี้เพราะมีความจำเป็นสำหรับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำอย่างต่อเนื่อง และเพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพรวมการลงทุนของประเทศ เป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในภาคอุตสาหกรรม แต่ทั้งนี้เพื่อให้เป็นภาระค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าน้อยที่สุด ที่ประชุมจึงกำหนดให้เสนอขายไฟฟ้าเข้าระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในปริมาณที่จำเป็นโดยไม่เกิน 20%ของกำลังการผลิตติดตั้งเดิมและในราคาไม่เกินอัตราค่าไฟฟ้าในรูปแบบ IPP

ที่ผ่านมา มีการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP ระบบโคเจนเนอเรชันตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบันจำนวน 82 โครงการ คิดเป็นปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญารวม 6,901 เมกะวัตต์

ที่ประชุมฯ เห็นชอบแผนแม่บทการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย พ.ศ.2558 - 2579 ทั้งนี้เพื่อเป็นการพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการพัฒนาด้านพลังงานในระยะต่อไปได้อย่างยั่งยืน โดยผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากแผนฯนี้ คือ ช่วยยกระดับความสามารถของระบบไฟฟ้า เสริมระบบไฟฟ้าของให้มีความมั่นคง และมีประสิทธิภาพ ช่วยยกระดับคุณภาพบริการต่อผู้ใช้ไฟฟ้า รวมทั้งช่วยยกระดับโครงสร้างระบบไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่การเป็นสังคมพลังงานสีเขียวและคาร์บอนต่ำ ทั้งนี้โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจะรับไปดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริด เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริด ร่วมกับ 3 การไฟฟ้า กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และเสนอ กบง. พิจารณาอนุมัติในรายละเอียดต่อไป

ทั้งนี้ กพช. ได้เห็นความสำคัญด้านการอนุรักษ์พลังงานจึงมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพลังงานประกาศเพิ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงอีก 3 รายการ คือ เตาอบไฟฟ้า กระทะไฟฟ้าก้นตื้น และตู้น้ำเย็น ตู้น้ำร้อน-น้ำเย็นสำหรับบริโภค โดยออกเป็นกฎกระทรวงกำหนดเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป นอกจากนั้น ยังได้อนุมัติกลไกการส่งเสริมโดยมอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาออกพระราชกฤษฎีกาลดหย่อนภาษีสำหรับเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน หรืออุปกรณ์เบอร์ 5 นั่นเอง

กพช. ยังมีมติขยายกำหนดการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์การเกษตร จากเดิมภายในปี 2558 เป็นภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2559 เนื่องจากมีข้อจำกัดเกี่ยวกับระเบียบของหน่วยราชการ เช่น การขอใช้ที่ราชพัสดุ และขั้นตอนการดำเนินการตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 รวมทั้งให้ขยายระยะเวลาในการออกระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ FiT - Bidding (ไม่รวมพลังงานแสงอาทิตย์) สำหรับปี 2558 จากเดิมให้แล้วเสร็จในวันที่ 30 มกราคม 2558 เป็นวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558


กำลังโหลดความคิดเห็น