เรกูเลเตอร์เผย ศก.ดิ่งต่อเนื่องทำสำรองไฟปี 66-67 พุ่ง 42% เตรียมเจรจา “กฟผ.” เลื่อนสร้างโรงไฟฟ้าพระนครใต้ บางปะกง วังน้อย รวมถึงโรงฟ้าถ่านหิน อ.เทพา จ.สงขลา คู่กับเปิดทาง IPP-SPP เสนอตัวเลื่อนจ่ายไฟโดยไม่ต้องโดนปรับเพื่อลดสำรอง
นายไกรสีห์ กรรณสูต กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า จากภาวะอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยชะลอตัวต่อเนื่องส่งผลให้ปริมาณสำรองผลิตไฟฟ้าปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 20-25% จะค่อยๆ ไต่ระดับและสูงถึง 42% ระหว่างปี 2566-67 ดังนั้นทำให้ขณะนี้เรกูเลเตอร์อยู่ระหว่างเจรจาการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมถึงผู้ผลิตไฟฟ้าจากเอกชนรายใหญ่ (IPP) และรายเล็ก (SPP) เพื่อให้เลื่อนสร้างโรงไฟฟ้าออกไปในช่วงเวลาดังกล่าว
“หลักการแล้วจนถึงปี 2568 ไม่ควรจะมีโรงไฟฟ้าใหม่เกิดขึ้นเพื่อที่จะทำให้สำรองไฟฟ้าอยู่ในปริมาณที่ไม่สูงเกินไปกว่าปัจจุบัน” นายไกรสีห์กล่าว
สำหรับการเจรจากับ กฟผ.นั้นมีโรงไฟฟ้าที่อยู่ในข่าย ได้แก่ โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงไฟฟ้าวังน้อย 2 ยูนิต โรงไฟฟ้าบางปะกง 1 ยูนิต โรงไฟฟ้าถ่านหิน อ.เทพา จ.สงขลา เป้นต้น ส่วนของ IPP และ SPP เป็นการขอความร่วมมือเลื่อนระยะเวลาส่งมอบไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ออกไปก่อนโดยจะไม่มีการจ่ายค่าปรับใดๆ
ทั้งนี้ SPP ที่จะเริ่มหมดสัญญาตั้งแต่ปี 2560-2568 จำนวน 25 โรง กำลังผลิตไม่ต่ำกว่า 2,500 เมกะวัตต์ ขณะนี้จะมีการต่ออายุสัญญาไฟฟ้าเอกชนไม่ขาดแคลน แต่รัฐจะรับซื้อไฟฟ้าไม่เท่าสัญญาเดิมที่ 90 เมกะวัตต์ต่อ 1 โรงไฟฟ้า ซึ่ง กฟผ.เสนอรับซื้อ 5-10 เมกะวัตต์ต่อโรงเท่านั้น โดยเรกูเลเตอร์จะพิจารณาบนความเหมาะสมโดยจะไม่ให้กระทบเป็นภาระต่อค่าไฟฟ้ามากเกินไปและให้คุ้มค่าเชิงเศรษฐกิจต่อเอกชน คาดว่าจะสรุปและประกาศหลักเกณฑ์การต่ออายุ SPP ภายในเดือนมิถุนายนนี้
นายพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย ประธานเรกูเลเตอร์ กล่าวว่า การดำเนินงานของเรกูเลเตอร์ปี 2558 ยังคงให้ความสำคัญต่อการกำกับ 3 ด้าน คือ การกำกับกิจการพลังงานอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ ด้านการบริหารจัดการเพื่อความมั่นคงและเพิ่มการแข่งขันของกิจการพลังงาน และด้านสุดท้าย การสร้างการยอมรับและการมีส่วนร่วมในการพัฒนากิจการพลังงานจากกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน อาทิ การจัดทำโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ปี 2558-2560 ที่คาดว่าจะเสร็จให้ทันภายในงวดหน้าหรือพ.ค. 58