มติ ก.ค.ศ. เห็นชอบให้คุรุสภา ขยายเวลาสอบข้อเท็จจริงคัดผู้แทน อ.ก.ค.ศ. เขต 169 เขตออกไปอีก 30 วัน ไฟเขียวปรับเกณฑ์ย้ายรอง ผอ.สพท. ในกรณีย้ายเพื่อความเหมาะสมไปลงตำแหน่งตามโครงสร้างที่ว่างอยู่ และกรณีกำหนดสัดส่วนตำแหน่งไว้รอรับการย้ายตามโครงสร้างและสำหรับคัดเลือกทั่วไปอยู่ที่ 50:50 รวมถึงอนุมัติหลักการปรับเกณฑ์ขอเลื่อนวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและเชี่ยวชาญ ซึ่งต้องผ่านการพัฒนาทั้งด้านทฤษฎีและประสบการณ์วิชาชีพ
พล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) เมื่อเร็วๆ นี้ ว่าที่ประชุมได้เห็นชอบให้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ขยายเวลาการแจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง การดำเนินการให้ได้มาของอนุกรรมการผู้แทนคุรุสภาใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจำนวน 169 เขต ออกไปอีก 30 วัน จากวันที่ 20 ธันวาคม 2557 เป็นวันที่ 19 มกราคม 2558 เนื่องจากต้องมีการดำเนินตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 169 เขต และผู้ที่เกี่ยวข้องที่ต้องใช้เวลาพอสมควร และเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ตามข้อตกลงในการพัฒนางาน โดยสาระสำคัญของหลักเกณฑ์ดังกล่าว อาทิ คุณสมบัติผู้ขอรับการประเมิน สามารถยื่นคำขอได้ก่อนที่จะดำรงวิทยฐานะครบตามที่กำหนดในมาตรฐานวิทยฐานะได้ก่อนไม่เกิน 2 ปีผ่านการพัฒนาจากส่วนราชการ 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ความรู้ความสามารถเชิงทฤษฎี และส่วนที่ 2 ประสบการณ์วิชาชีพ ต้องได้รับการรับรองว่าเป็นผู้มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ จากผู้บังคับบัญชาชั้นต้นการพัฒนางานและผลการพัฒนาคุณภาพการปฏิบัติงาน พิจารณาจากความสามารถในการปฏิบัติงานในหน้าที่ประจำ และผลที่เกิดกับผู้เรียนหรือคุณภาพผู้เรียน โดยกำหนดให้ยื่นคำขอได้ปีละ 1 ครั้ง 2 ช่วงเวลา คือ ก่อนภาคเรียนที่ 1 และก่อนภาคเรียนที่ 2ก่อนเปิดภาคเรียนไม่น้อยกว่า 90 วัน เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้าย รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.4/ ว16 ลงวันที่ 5 กันยายน 2556 ดังนี้ 1. กรณีย้ายเพื่อความเหมาะสมและประโยชน์ของทางราชการ ให้ย้ายรอง ผอ.สพท. ประเภทตำแหน่งที่มีเงื่อไข ไปดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สพท. ประเภทตำแหน่งโครงสร้างที่ว่างอยู่ได้ 2. ให้มีกำหนดสัดส่วนของตำแหน่งรอง ผอ.สพท. ประเภทตำแหน่งโครงสร้างที่ว่าง เพื่อใช้รับย้ายและใช้ในการคัดเลือกบุคคลมาบรรจุและแต่งตั้งในสัดส่วนที่เท่ากัน 50:50 ทั้งนี้ การปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะทำให้ตำแหน่งรองผอ.สพท.ประเภทตำแหน่งที่มีเงื่อนไขซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากลดลงได้เร็วขึ้น เนื่องจากตำแหน่งนี้ ก.ค.ศ. ได้กำหนดให้ยุบเลิกเมื่อมีตำแหน่งว่างลง และให้เปลี่ยนไปเป็นตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมต่อไปได้ ซึ่งการแก้ไขหลักเกณฑ์นี้จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอัตรากำลังของ สพฐ. และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่บุคลากรในสังกัดด้วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
พล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) เมื่อเร็วๆ นี้ ว่าที่ประชุมได้เห็นชอบให้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ขยายเวลาการแจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง การดำเนินการให้ได้มาของอนุกรรมการผู้แทนคุรุสภาใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจำนวน 169 เขต ออกไปอีก 30 วัน จากวันที่ 20 ธันวาคม 2557 เป็นวันที่ 19 มกราคม 2558 เนื่องจากต้องมีการดำเนินตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 169 เขต และผู้ที่เกี่ยวข้องที่ต้องใช้เวลาพอสมควร และเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ตามข้อตกลงในการพัฒนางาน โดยสาระสำคัญของหลักเกณฑ์ดังกล่าว อาทิ คุณสมบัติผู้ขอรับการประเมิน สามารถยื่นคำขอได้ก่อนที่จะดำรงวิทยฐานะครบตามที่กำหนดในมาตรฐานวิทยฐานะได้ก่อนไม่เกิน 2 ปีผ่านการพัฒนาจากส่วนราชการ 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ความรู้ความสามารถเชิงทฤษฎี และส่วนที่ 2 ประสบการณ์วิชาชีพ ต้องได้รับการรับรองว่าเป็นผู้มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ จากผู้บังคับบัญชาชั้นต้นการพัฒนางานและผลการพัฒนาคุณภาพการปฏิบัติงาน พิจารณาจากความสามารถในการปฏิบัติงานในหน้าที่ประจำ และผลที่เกิดกับผู้เรียนหรือคุณภาพผู้เรียน โดยกำหนดให้ยื่นคำขอได้ปีละ 1 ครั้ง 2 ช่วงเวลา คือ ก่อนภาคเรียนที่ 1 และก่อนภาคเรียนที่ 2ก่อนเปิดภาคเรียนไม่น้อยกว่า 90 วัน เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้าย รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.4/ ว16 ลงวันที่ 5 กันยายน 2556 ดังนี้ 1. กรณีย้ายเพื่อความเหมาะสมและประโยชน์ของทางราชการ ให้ย้ายรอง ผอ.สพท. ประเภทตำแหน่งที่มีเงื่อไข ไปดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สพท. ประเภทตำแหน่งโครงสร้างที่ว่างอยู่ได้ 2. ให้มีกำหนดสัดส่วนของตำแหน่งรอง ผอ.สพท. ประเภทตำแหน่งโครงสร้างที่ว่าง เพื่อใช้รับย้ายและใช้ในการคัดเลือกบุคคลมาบรรจุและแต่งตั้งในสัดส่วนที่เท่ากัน 50:50 ทั้งนี้ การปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะทำให้ตำแหน่งรองผอ.สพท.ประเภทตำแหน่งที่มีเงื่อนไขซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากลดลงได้เร็วขึ้น เนื่องจากตำแหน่งนี้ ก.ค.ศ. ได้กำหนดให้ยุบเลิกเมื่อมีตำแหน่งว่างลง และให้เปลี่ยนไปเป็นตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมต่อไปได้ ซึ่งการแก้ไขหลักเกณฑ์นี้จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอัตรากำลังของ สพฐ. และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่บุคลากรในสังกัดด้วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่