ที่ประชุม กกต.เห็นชอบ 43 ประเด็นแก้จัดการเลือกตั้ง เตรียมชง กมธ.ยกร่าง รธน. เพิ่มอำนาจ กกต.ตรวจค้น เรียก และมีมาตรการคุ้มครองพยาน เมื่อมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง พร้อมให้สินบนนำจับผู้ชี้เบาะแสทุจริต เพิ่มมาตรการลดหย่อนภาษีจูงใจคนใช้สิทธิ ซ้ำให้หน่วยราชการอำนวยความสะดวกขนคนลงคะแนน ขณะเดียวกันห้ามผู้ถูกเพิกถอนสิทธิยุ่งเกี่ยวกิจกรรมการเมืองทุกประเภท นโยบายหาเสียงห้ามชูตัวเงินจูงใจ
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ประชุม กกต.ได้เห็นชอบข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขการจัดการเลือกตั้งที่ด้านบริหารงานเลือกตั้ง นำโดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้งได้จัดทำขึ้นเพื่อเสนอต่อคณะอนุกรรมาธิการพิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญคณะที่ 8 ของคณะกรรมาธิการยกร่างรับธรรมนูญซึ่งมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน ทั้งนี้ข้อเสนอดังกล่าว กกต.ได้จัดทำเป็นตารางเปรียบเทียบปัญหาและแนวทางการแก้ไข ได้แบ่งสภาพปัญหาเป็นก่อนและหลังมีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้ง โดยมีแนวทางแก้ไขการจัดการเลือกตั้ง แบ่งเป็น 10 ขั้นตอนรวม 43 ประเด็น มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย กรณีมีการยุบสภา ให้แยกการออก พ.ร.ฎ.ยุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งเป็นละฉบับ โดย ครม.ออก พ.ร.ฎ.ยุบสภา และ กกต.ออก พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้ง ให้ปลัดกระทรวงเป็นผู้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี
ส่วนก่อนมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง เห็นควรให้แก้ไขระยะเวลาการห้ามทำผิดกฎหมายเลือกตั้งขยายเป็น 180 วัน กำหนดให้โครงการของรัฐที่สุ่มเสี่ยงต่อการได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งแม้ได้รับอนุมัติก่อนมีพระราชกฤษฎีกาไม่สามารถดำเนินการได้หลังจากมีพระราชกฤษฎีกาแล้ว และเมื่อมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งแล้ว การเปิดรับสมัครให้สามารถรับเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง ทางไปรษณีย์ หรืออินเทอร์เน็ต เพื่อรองรับกรณีมีการชุมนุมปิดล้อมสถานที่รับสมัคร และให้ขยายการจัดเลือกตั้ง ส.ว.เป็น 45 วันเท่ากับการเลือกตั้ง ส.ส. การหาเสียงให้จำกัดค่าใช้จ่ายการหาเสียงเท่าที่จำเป็นและรัฐให้การสนับสนุนในการหาเสียงอย่างเต็มที่ กำหนดข้อห้ามในหาเสียงให้ครอบคลุมพฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้ง นโยบายหาเสียงที่ใช้ห้ามแสดงตัวเงินชัดเจน ห้ามผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเข้ายุ่งเกี่ยวกิจกรรมการเมืองทุกประเภท
สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้งนั้น กำหนดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า 2 วันและขยายเวลาการลงคะแนนจากเดิมถึง 15.00 น.มาเป็น 08.00-16.00 น. และให้การลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดมีผลเฉพาะการเลือกตั้งคราวนั้นๆ การเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร มีการนำเสนอปัญหาว่าค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงไม่คุ้มค่าจัดการ การลงคะแนนไม่เป็นไปโดยลับอย่างแท้จริงเนื่องจากมีการถ่ายรูปบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต อีกทั้งผลคะแนนนอกราชอาณาจักรไม่มีผลเปลี่ยนแปลงผู้สมัครที่ได้รับเลือกตั้ง ดังนั้น หากจะคงไว้ควรให้การลงทะเบียนขอใช้สิทธิมีผลเฉพาะการเลือกตั้งในคราวนั้นๆ และใช้รูปแบบการเลือกตั้งทางไปรษณีย์เป็นหลัก พร้อมพัฒนาการใช้สิทธิผ่านทางอินเตอร์เนต รวมทั้งให้นับคะแนนที่สถานทูตหรือสถานกงสุล แล้วค่อยส่งผลคะแนนกลับประเทศ
นอกจากนี้ ในเรื่องของการลงคะแนนเสนอว่ากรณีมีการชุมนุมปิดล้อมหน่วยเลือกตั้ง สถานที่จัดเก็บ กระจายอุปกรณ์การจัดเลือกตั้ง นอกจาก กกต.จะดำเนินการตามกฎหมายแล้วให้สามารประกาศเลื่อนการเลือกตั้งเฉพาะหน่วยที่มีปัญหาได้ และเปิดทางให้มีการใช้เครื่องลงคะแนนอัตโนมัติในการเลือกตั้ง ขยายเวลาลงคะแนนในวันเลือกตั้งเป็น 08.00-16.00 น. รวมทั้งเพื่อจูงใจให้ประชาชนมาใช้สิทธิ กำหนดให้มีการให้ผลตอบแทนกับผู้มาใช้สิทธิเช่น ลดหย่อนภาษี และให้ส่วนราชการจัดรถรับส่ง หรือจัดหน่วยเลือกตั้งเคลื่อนที่ หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับการลงคะแนนแก่ผู้พิการและผู้สูงอายุ
สำหรับการสืบสวนสอบสวนกรณีทุจริตนั้น แก้ไขกฎหมายให้ กกต.เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มีอำนาจตรวจค้น เรียกพยาน มีมาตรการคุ้มครองพยาน ใช้สำนวนกกต.เป็นสำนวนหลักในการดำเนินคดีเลือกตั้ง เพิ่มมาตรการให้เงินสินบนนำจับแก่ผู้ชี้ช่องเบาะแสจนสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
ขยายระยะเวลาสอบสวนก่อนการประกาศรับรองผลจาก 30 วัน เป็น 60 วัน แก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้การสั่งเลือกตั้งใหม่ หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ทั้งก่อนและหลังประกาศรับรองผลใช้มติเสียงข้างมากทุกกรณี ขณะที่ในด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน เปิดโอกาสให้องค์กรเอกชนที่มีความเข้มแข็งเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเลือกตั้ง สร้างมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรเอกชนกับ กกต.อย่างมีประสิทธิผล มีมาตรการคุ้มครองประชาชนที่ให้การสนับสนุนการทำงานของ กกต.