สนช.เปิดเวทีซักถาม “ยิ่งลักษณ์" จำนำข้าวป่วนแต่เช้า หลังเจ้าตัวเบี้ยวไม่มาชี้แจงด้วยตัวเอง เจอ สนช.ท้วงติง ระบุส่งบริวารมาล้วงข้อสอบไปแถลงตอนปิดคดี พร้อมเสนอตัดสิทธิคนที่มาตอบแทน จนต้องประชุมลับถกเครียด ที่สุดให้ปรับคำถามก่อนเดินหน้ากระบวนการตอบข้อซักถาม
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.20 น. วันนี้ (16 ม.ค.) มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาดำเนินการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง กรณีปล่อยปละเลยไม่ยับยั้งความเสียหายในโครงการจำนำข้าว โดยเป็นการพิจารณาขั้นตอนการตอบข้อซักถามของคณะกรรมาธิการซักถามจากคู่กรณีทั้งสองฝ่าย คือ ป.ป.ช. และ น.ส.ยิ่งลักษณ์
อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้เดินทางมาตอบข้อซักถามด้วยตัวเอง โดยส่งทีมทนายความและอดีตรัฐมนตรีจำนวน 9 คนมาเป็นผู้ตอบคำถามแทน ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการซักถามได้เตรียมคำถามที่จะใช้ซักถามไว้จำนวน 49 คำถาม จากเดิมที่มีอยู่ 83 คำถาม แบ่งเป็นถาม ป.ป.ช.14 คำถาม จากเดิม 23 คำถาม และถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ 35 คำถาม จากเดิม 60 คำถาม
ทั้งนี้ เมื่อเริ่มการประชุม นายพรเพชรได้เชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้าห้องประชุม โดยฝ่ายกล่าวหา คือ ป.ป.ช.มี นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นตัวแทน ส่วนฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ส่งทีมทนายความ และอดีตรัฐมนตรี 9 คนมาเป็นตัวแทนตอบคำถาม อย่างไรก็ตาม นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน สนช.รีบทักท้วงว่าก่อนหน้านี้คู่กรณีทราบขั้นตอนว่าเจ้าตัวต้องมาตอบข้อซักถามด้วยตัวเอง แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ยอมมาตอบข้อซักถามด้วยตัวเองจึงไม่เป็นไปตามข้อตกลงที่ทำร่วมกันไว้ ขอให้สมาชิกหารือประเด็นนี้ก่อน แต่นายพรเพชรชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้ในวันแถลงเปิดคดี เคยบอกคู่กรณีไว้ว่า ใครที่มาพูดในวันแถลงเปิดคดีก็ควรมาตอบคำถามเองด้วย แต่วันนี้แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้เดินทางมา แต่เมื่อเปิดดูข้อบังคับการประชุมไม่มีการบังคับว่าจะต้องมาด้วยตัวเอง การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาก็คงไม่มีผลประการใด
นายทวีศักดิ์ท้วงว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่กำกับดูแลบริหารราชการแผ่นดิน แต่ไม่ยอมมาตอบโครงการจำนำข้าว ก็เข้าเงื่อนไขว่ามีความบกพร่องในการบริหารราชการแผ่นดิน การให้คนอื่นมาตอบเหมือนมาล้วงข้อสอบแล้วเอาไปทำรายละเอียดแถลงปิดคดีอีกครั้ง หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาก็ควรถามผู้แทน ป.ป.ช.เพียงฝ่ายเดียว ส่วนผู้ถูกกล่าวหายังมีโอกาสมาชี้แจงอีกครั้งในการแถลงปิดคดี ถือเป็นการสละสิทธิเองในการทราบคำถาม ก็ต้องไปทำคำตอบจากการคาดเดาเอาเองเพื่อมาแถลงปิดคดี จะเกิดความเป็นธรรมมากกว่า ขณะที่นายพรเพชรยืนยันว่าต้องทำตามข้อบังคับ การที่ใครจะทำหรือไม่ทำสิ่งใดคงพูดอะไรมากไปไม่ได้ เพราะตามกฎหมายกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา คงพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้
ด้าน น.ส.นิสดารภ์ เวชยานนท์ สนช.กล่าวว่า อยากทราบเหตุผลของการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาตอบข้อซักถามครั้งนี้ ขณะที่นายสมชาย แสวงการ สนช.กล่าวเสริมว่า คำถามที่ สนช.อยากถามเป็นคำถามที่ต้องการถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ตัวแทนที่มาจะตอบคำถามเหล่านี้ที่ สนช.ต้องการถามผู้ถูกกล่าวหาได้อย่างไร แต่นายพรเพชรยืนยันว่า เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มา ผลก็เป็นไปตามกลไกการพิจารณา แต่ข้อบังคับไม่ได้ห้ามไว้ จึงต้องให้ผู้แทนเข้ามาเพื่อมาตอบข้อซักถาม ก่อนจะอนุญาตให้ทีมทนายชี้แจงเหตุผลที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาตอบข้อซักถาม
ขณะที่นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชี้แจงเหตุผลว่า ได้ดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมข้อ 154 ที่ระบุให้ผู้เกี่ยวข้องมาตอบข้อซักถามได้ แต่ไม่ได้ให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องมาตอบคำถาม เป็นการทำตามข้อบังคับ ไม่ใช่ขอยกเว้นข้อบังคับ และในการหารือวันที่ 9 ม.ค. ก่อนการแถลงเปิดคดีก็ไม่มีข้อตกลงว่าจะให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาชี้แจงข้อซักถามด้วยตัวเอง
จากนั้นนายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม และนายสมชาย แสวงการ สนช. ยังคงคัดค้านไม่ควรให้มีการซักถามฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาตอบข้อซักถามด้วยตัวเอง ทำให้นายพรเพชรพยายามตัดบทให้เริ่มเข้าสู่กระบวนซักถาม โดยระบุว่าไม่มีข้อห้ามว่าผู้ถูกกล่าวหาต้องมาตอบข้อซักถามด้วยตัวเอง และหากเห็นว่าคำถามใดที่จะถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มา ก็เป็นดุลพินิจของคณะกรรมาธิการซักถามที่จะไม่ถามก็ได้
ขณะที่ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร ประธานกรรมาธิการซักถามคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ ไม่มีสิทธิ์ตัดสินเองว่าจะถามหรือไม่ถามคำถามใด ดังนั้นขอเสนอให้คู่กรณีสองฝ่ายออกจากห้องประชุมไปก่อน เพื่อให้ สนช.ประชุมลับว่าคำถามใดควรจะถามหรือไม่ควรถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำให้นายพรเพชรเชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่ายออกจากห้องประชุม
นายพรเพชรกล่าวว่า กฎหมายไม่สามารถบังคับให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องมาตอบคำถามเอง สามารถส่งตัวแทนมาได้ และหากส่งมา 9 คน ก็ต้องไปตกลงว่าใครเป็นตัวแทนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่ให้ตอบทั้ง 9 คน จากนั้นนายสมชาย แสวงการ ได้เสนอให้ที่ประชุมมีมติประชุมลับเพื่อหารือ สนช.ที่ยื่นญัตติคำถามทั้ง 13 คน ว่ากรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่มาตอบคำถามเองจะถามหรือไม่ ซึ่งในที่สุดที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เป็นการประชุมลับด้วยคะแนน 153 ต่อ 1 งดออกเสียง 21 เสียง จากนั้นจึงเริ่มประชุมลับในเวลา 11.09 น.
ต่อมาเวลา 11.50 น.ได้เปิดการประชุมอีกครั้ง นายพรเพชรได้ชี้แจงว่า การประชุมลับเป็นเรื่องการหารือให้คณะกรรมาธิการซักถามไปหารือถึงแนวทางในการซักถามภายหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาตอบคำถามว่าจะดำเนินการอย่างไร จากนั้นได้เข้าสู่กระบวนการซักถาม โดนเริ่มจากการซักถามฝ่ายร้อง โดยมีนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นผู้ตอบข้อซักถาม