xs
xsm
sm
md
lg

ทีดีอาร์ไอแฉ 4 กระทรวง ศก.ได้งบวิจัยต่ำ ทั้งที่มีปัญหาหนัก แนะส่งเสริมเพื่อพัฒนาเชิงรุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (แฟ้มภาพ)
ผอ.วิจัยพัฒนาแรงงาน ทีดีอาร์ไอ แฉ 4 กระทรวงสำคัญทางเศรษฐกิจ ทั้งแรงงาน-พาณิชย์-คลัง-ท่องเที่ยว ได้งบวิจัยน้อยสุด ทั้งๆ ที่มีปัญหาหนัก ทำแก้ปมไร้ประสิทธิภาพ หรือไม่ก็ใช้งบส่วนกระทรวงทำเอง เชื่อระดับบิ๊กตัดสินใจด้วยตัวเองโดยไม่ได้พึ่งงานวิจัย แต่โชคยังดีที่มีข้าราชการสติปัญญาดีช่วย แนะส่งเสริมการวิจัยเพื่อพัฒนาเชิงรุกให้องค์กร

วันนี้ (6 ม.ค.) นายยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ เปิดเผยว่า จากการศึกษาของโครงการพัฒนาระบบจำแนกงบประมาณภาครัฐซึ่งทำการวิจัย โดยศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาฯ ซึ่งเป็นโครงการของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) พบว่า หน่วยงานที่มีงบประมาณการวิจัยน้อยที่สุดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 จำนวน 6 ลำดับแรก คือ หน่วยงานของศาล ได้เพียง 1,500,000 บาท คิดเป็น 0.01% จากจำนวนงบประมาณวิจัยโดยรวมของประเทศ 20,709 ล้านบาท ตามมาคือ กระทรวงแรงงาน ได้ 2,200,000 บาท กระทรวงพาณิชย์ 7,140,000 บาท กระทรวงการคลัง 9,880,000 บาท หน่วยงานตามรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ 11,690,000 บาท และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 22,490,000 บาท

นายยงยุทธระบุว่า จากตารางข้างต้นเป็นที่น่าสังเกตก็คือ มีหน่วยงานระดับกระทรวงสำคัญๆ ถึง 4 กระทรวงซึ่งกำลังเผชิญการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในปัจจุบันคือ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงแรงงาน ซึ่งมีงบประมาณการวิจัยรวมกันเพียง 41 ล้านเศษ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.2 ของงบประมาณที่รัฐจัดสรรเพื่องานวิจัยของรัฐ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ากระทรวงที่สำคัญๆ เหล่านี้จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากต้องพึ่งความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่ (ในทุกระดับ) ของกระทรวงเป็นสำคัญโดยเกือบจะไม่ต้องพึ่งงบประมาณของรัฐมาใช้ทำวิจัยเพื่อตอบโจทย์ปัญหาซึ่งกระทรวงต่างๆ เหล่านี้กำลังเผชิญอยู่ซึ่งแน่นอนทำให้เกิดข้อสังสัยว่าการบริหารงานในการแก้ปัญหาของชาติที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเหล่านี้จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ หรือไม่ คำตอบก็อาจจะพอคาดเดาได้ว่าคงไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรจะเป็นถ้าเพียงแต่จะอาศัยพลังสมองจากการทำงานประจำวัน ของเจ้าหน้าที่ตามเวลาราชการมาช่วยแก้ปัญหาของกระทรวงและของชาติ

ผู้อำนวยการวิจัยด้านพัฒนาแรงงานฯ ระบุอีกว่า ที่จริงกระทรวงเหล่านี้มีความสำคัญต่อประเทศชาติมากอาทิ กระทรวงพาณิชย์ต้องดูแลการส่งออกมูลค่านับล้านล้านบาท ดูแลการค้าภายในกับสินค้านับหมื่นชนิด ดูแลผู้บริโภคหลายสิบล้านคน กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาต้องดูแลแหล่งท่องเที่ยวนับหมื่นแห่ง หารายได้เข้าประเทศจากการท่องเที่ยว ทั้งในประเทศนับร้อยๆ ล้านคน นักท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่า 24 ล้านคนทุกปี เพื่อนำรายได้เข้าประเทศหลายแสนล้านบาท ยังไม่นับการกีฬาที่มีนักกีฬาต้องดูแลอีกนับแสนคน กระทรวงแรงงานต้องดูแลคนวัยทำงาน 40 ล้านคนทั้งมิติของรายได้ (ค่าจ้าง) มิติของการมีงานทำ ยกระดับผลิตภาพแรงงาน ดูแลสวัสดิภาพของแรงงาน ดูแลเรื่องสวัสดิการ รวมทั้งแรงงานต่างด้าวอีกเกือบ 3 ล้านคน และกิจการอื่นๆ อีกมากมาย แต่หน่วยงานเหล่านี้มิได้มีความสนใจที่จะยกระดับประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา และ/หรือ การบริการประชาชนตามบทบาทของตนเองด้วยงานวิจัยหรืออาจจะเป็นเพราะหน่วยงานเหล่านี้ทำงานวิจัยมากมาย โดยใช้งบประมาณของตนเองโดยมิต้องพึ่งงบประมาณจากภาครัฐ จึงไม่ปรากฏตัวเลขในตารางข้างต้น ผลจากการวิจัยของสภาวิจัยฯ ข้างต้นพบว่าหน่วยงานที่เอ่ยถึงเหล่านี้มีงบประมาณจากแหล่งอื่นน้อยมากหรือไม่มีมากอย่างที่คิด

“จึงพอจะสรุปได้ค่อนข้างจะมั่นใจว่ากระทรวงที่สำคัญๆ ของประเทศเหล่านี้ตัดสินใจในการบริหารอยู่บนพื้นฐานที่ใช้การวิจัยน้อยมาก โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณแผ่นดิน แต่เลือกที่จะใช้ความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่ประจำของหน่วยงานของตนเองเป็นหลัก ซึ่งก็โชคดีไปสำหรับหน่วยงานเหล่านี้ที่มีพลังสติปัญญาและประสบการณ์ของข้าราชการที่มากพอที่จะขับเคลื่อนงานประจำไปได้ แต่ถ้าโชคไม่ดีหน่วยงานข้างต้นไม่มีเจ้าหน้าที่ที่มีสติปัญญามากพอและรอบรู้รอบด้านเมื่อมีปัญหาให้แก้เข้ามาเป็นรายวันก็จะส่งผลให้การดำเนินงานอาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร การที่จะพึ่งพาสติปัญญาที่มีอยู่ในหน่วยงานในการวางแผนทำงานเชิงรุกให้กับหน่วยงานของตนเองและประเทศชาติในอนาคต โดยไม่ทำวิจัยมาเสริมเติมความรู้ในเรื่องที่หน่วยงานรับผิดชอบคงจะไม่เพียงพออย่างแน่นอน ฟันธง ดังนั้น จึงจะขอร้องให้เจ้ากระทรวงทั้งหลายโดยเฉพาะกระทรวงและหน่วยงานที่กล่าวถึงข้างต้นได้โปรดหันมาสนใจส่งเสริมการวิจัยให้กับหน่วยงานของตนให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เผื่อว่าหน่วยงานของท่านจะสามารถช่วยเหลือประเทศชาติในการพัฒนาได้มากยิ่งขึ้น โดยอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลเชิงประจักษ์จากงานวิจัยเป็นสำคัญ” นายยงยุทธระบุ


กำลังโหลดความคิดเห็น