“ดิเรก” ไม่กังวลถูกถอดถอนกรณีแก้รัฐธรรมนูญ ส.ว. มิชอบ โยนเรื่องเสียบบัตรแทนกันไม่เกี่ยวกัน เอาผิดรายคน ทำใจถ้าถูกถอดก็ไปสอนหนังสือ ด้าน 40 ส.ว. เสียงแตก “วันชัย” ชี้เป็นเอกสิทธิ์ สนช. ถอดถอน “สมศักดิ์ - นิคม” หวั่นหากไม่ทำ ป.ป.ช. ยิ่งกว่าเสือกระดาษ “ไพบูลย์” ชี้ไม่จำเป็นเพราะไม่มีรัฐธรรมนูญแล้ว “เรืองไกร” สู่รู้ บอก สนช. แก่แล้ว หาเรื่องไปทำไม มีแค่ 40 ส.ว. เอี่ยว “สิงห์ชัย” อ้างอ่านใจ “ประยุทธ์” ไม่อยากให้ถอด ฝาก สนช.- สปช. แก้ปากท้อง อย่าฝืนธรรมชาติ
วันนี้ (4 ม.ค.) นายดิเรก ถึงฝั่ง สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จ.นนทบุรี และหนึ่งใน 38 สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. มิชอบ กล่าวถึงการถอดถอน ว่า ส่วนตัวไม่รู้สึกวิตกกังวลแต่อย่างใด พร้อมที่จะสู้คดีไปตามกฎหมายและตามข้อเท็จจริงทุกขั้นตอน เพราะข้อเท็จจริงเราทำตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องเสียบบัตรแทนกันนั้น ขอยืนยันเราไม่เกี่ยวแน่นอน กรณีนี้เป็นการทุจริตรายบุคคล ก็ต้องไปดำเนินการเอาผิดเป็นรายบุคคลไป เพราะสิ่งที่เราได้ดำเนินการไปนั้นเป็นการปฏิบัติไปตามหน้าที่ การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาแบบนี้ก็ยังรู้สึกงงๆ กันอยู่ ไม่คิดว่าจะออกมาแบบนี้
นายดิเรก กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เตรียมแนวทางการสู้คดีอะไรไว้เลย แต่พร้อมที่จะไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า ได้ทำไปตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง ส่วนขั้นตอนของ สนช. จะกำหนดให้เราชี้แจงแถลงเปิดคดีแบบเป็นรายบุคคลหรือพร้อมกันทั้ง 38 คนนั้นก็ไม่มีปัญหา เพราะพร้อมที่จะไปอธิบายความจริงกับ สนช. อยู่แล้ว ทางอดีต ส.ว. ทั้ง 38 คน คงต้องมีการนัดหมายหารือ เพื่อวางแผนร่วมกันว่าจะชี้แจงต่อ สนช. อย่างไร เมื่อเข้ามาอยู่ในแวดวงการเมืองแล้วก็อยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าไปได้ด้วยดี ไม่ได้หวั่นไหวในเรื่องเหล่านี้เลย ถ้าต้องถูกถอดถอนจริง ก็ไม่ได้รู้สึกท้อแท้ หากไม่ได้เล่นการเมืองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร คงกลับไปสอนหนังสือตามปกติ
เมื่อถามว่า ถ้า สนช. มีมติถอดถอนจะส่งผลกระทบต่อตำแหน่ง สปช.หรือไม่ นายดิเรก กล่าวว่า ถ้าถูกถอดถอนกระทบแน่นอน และคงต้องลาออกจากตำแหน่ง สปช. ด้วย แต่ส่วนตัวเชื่อว่า สนช. จำนวนไม่น้อยที่มีอยู่นั้นยังมีความเป็นธรรม มีความเป็นนักกฎหมาย และเข้าใจในแง่กฎหมายเป็นอย่างดี ดังนั้นก็คงไม่กล้ายุ่งกับคดีหรือโหวตให้ถอดถอนหรอก เพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว
ด้าน นายวันชัย สอนศิริ สปช. อดีตกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงกรณีการถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภาและนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ในประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว. ว่า การถอดถอนเป็นไปตามกระบวนการของ สนช. ที่มีขั้นตอนเปิดคดีให้ทุกคนได้รับรู้ข้อมูลจากปากทั้งผู้ฟ้องและผู้ถูกฟ้อง และยังเปิดโอกาสให้ สนช. ที่สงสัยได้ซักถาม เป็นกระบวนการที่ตรงไปตรงมา ไม่มีการปิดบังอำพรางประชาชนทั้งประเทศเองก็จะได้รับฟังข้อมูลต่างๆ ด้วย ส่วนการตัดสินใจก็เป็นเอกสิทธิ์ของ สนช. แต่ละคนไม่มีสัญญาณจากฝ่ายใดแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตนได้ร่วมยื่นเรื่องถอดถอนและเข้าให้ข้อมูลนี้แก่ ป.ป.ช. ในกรณีนี้ด้วย เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นความผิดขัดกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับของรัฐสภา พฤติกรรมทั้งหมดถ้าตนเป็น สนช. ก็จะโหวตถอดถอนแน่นอน เพราะไม่อยากให้ประธานรัฐสภาปฏิบัติผิดข้อบังคับ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานแก่รัฐสภาต่อไป แต่ถ้าหาก สนช. พิจารณาแล้วไม่ถอดถอนก็เป็นสิทธิ์ แต่อาจจะทำให้ ป.ป.ช. กลายเป็นยิ่งกว่าเสือกระดาษ ไม่มีอำนาจถอดถอนใครได้เลย
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน สปช. และอดีตแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า คดีของนายสมศักดิ์ และนายนิคม ซึ่งทั้ง 2 คนทำหน้าที่ควบคุมการประชุม จนทำให้รัฐธรรมนูญถูกแก้ไข เพราะคิดว่า ตัวเองมีอำนาจแต่เมื่อเราคิดว่าไม่ถูกต้อง จึงไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ และเมื่อศาลตัดสินว่า แก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้จริงๆ ก็ควรจบตรงนั้น ไม่จำเป็นต้องยื่นถอดถอนอีก เพราะเป็นความผิดในการตีความกฎหมาย ส่วนเรื่องการถอดถอนอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการทุจริต คิดว่า คงต้องเป็นไปตามกระบวนการ
ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วาระนี้เป็นการเปิดคดีถอดถอน ขึ้นอยู่กับว่า นายสมศักดิ์ นายนิคม และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะชี้แจงอย่างไร สู้ทุกประเด็นหรือไม่ ถือเป็นเรื่องดีที่ผู้ถูกกล่าวหาจะได้มาแก้ข้อกล่าวหาต่างๆ ให้ประชาชนเห็นอีกด้านหนึ่ง ตนยังเห็นว่ามีจุดต่อสู้อยู่หลายจุด เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ วันนี้ก็ไม่มีรัฐธรรมนูญแล้ว คล้ายกับกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ที่ยกไปแล้ว
ทั้งนี้ จะดูว่า สนช. จะเดินอย่างไร เพราะข้อบังคับการถอดถอนก็ตราขึ้นมาไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องคุณสมบัติของกรรมการ ป.ป.ช.ที่อาจไม่ถูกต้อง ซึ่งมีอดีตรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยยื่นเรื่องร้องเรียนเอาไว้ด้วย ส่วนตัวยังคิดว่า ท้ายที่สุดแล้วการถอดถอนไม่ง่าย ไม่ว่าจะเป็นนายสมศักดิ์ นายนิคม หรืออดีตนายกฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะต้องใช้จำนวนเสียง สนช. 3 ใน 5 ซึ่ง สนช.ส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาจะเกษียณอยู่แล้ว จะหาเรื่องหาคดีความใส่ตัวเองทำไม แม้จะมีการสั่งการมาก็ตาม เชื่อว่าถอดถอนยาก คนที่เกี่ยวข้องก็จะมีเฉพาะพวกกลุ่ม 40 ส.ว. ซึ่งมองว่าถ้าเป็น ส.ว. ชุดเก่า ยังน่าหนักใจกว่าเยอะ แต่ถ้าเป็น สนช. ชุดนี้ ไม่น่าจะถอดถอนได้
ส่วน นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีต ส.ว.อุทัยธานี กล่าวว่า จากการสังเกตอาการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มองว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงจะไม่อยากให้มีการถอดถอนเท่าไรนัก เพราะอาจจะเป็นชนวนของความขัดแย้งใหม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ จากการพูดคุยกับหลายคน หลายๆ ฝ่ายแนวโน้มการตัดสินให้ถอดถอนจากตำแหน่งคงไม่เกิดขึ้น เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่สมควรต้องถอดถอน เชื่อว่าน่าจะหลุดกันหมด แต่เรื่องการทุจริตก็ต้องว่าไปตามหลักฐานไม่เกี่ยวกัน
นายสิงห์ชัย ยังกล่าวถึงการทำงานปฏิรูปประเทศ ว่า อยากฝากถึง สนช. และ สปช. ต้องเน้นการปฏิรูปอย่างไรให้ประชาชนพ้นจากปัญหาปากท้อง สามารถลืมตาอ้าปากได้ และกฎหมายใดที่เป็นอุปสรรคล้าหลังไม่ทันสมัย ก็สมควรที่จะแก้ไขให้เข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองและโลกในปัจจุบัน ประชาธิปไตยต้องเอาเสียงคนส่วนใหญ่เป็นตัวตั้ง การพัฒนาประเทศที่ผ่านมาไร้ทิศทางมาหลายปีแล้ว เพราะความขัดแย้งทางการเมือง วันนี้ควรเริ่มต้นใหม่ อำนาจต้องเท่าเทียมกัน อย่าฝืนธรรมชาติ