โฆษกกลาโหมแถลงผลประชุมสภากลาโหม เห็นชอบปรับเบี้ยเบี้ยง นร.ทหาร ทหารกองประจำการ เพิ่มสอดคล้องภาวะปัจจุบัน เผย “ประวิตร” ฝากกำลังพลระวังทำผิด พ.ร.บ.คอมพ์ เข้มดูแลความปลอดภัยแต่ละจุดช่วงปีใหม่ พร้อมนำคณะบิ๊กทุกเหล่าทัพเยือนเขมรประชุมจีบีซี เล็งพัฒนาต่อยอดเขต ศก.พิเศษ 7 พื้นที่ชายแดน ก่อนเตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติ “สมเด็จพระเทพฯ”
วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กห. เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 10/2557 โดยมี พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และพล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พร้อมด้วยคณะนายทหารระดับสูงเข้าร่วมประชุม
จากนั้นเวลา 11.00 น. พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมให้ความเห็นชอบปรับอัตราเบี้ยเลี้ยงของนักเรียนทหาร ทหารกองประจำการ เบี้ยเลี้ยงผู้ต้องขัง หรือผู้ถูกควบคุมตัว และค่าอาหารเจ็บป่วย เพิ่มขึ้น จากปี 2550 ที่ใช้อยู่ร้อยละ 28 จากอัตราที่ใช้อยู่ปัจจุบัน เพื่อให้สอดคล้องกับดัชนีราคาผู้บริโภคที่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปี 2550 รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อ ค่าขนส่ง ค่าบริการ ที่ปรับเพิ่มขึ้นจนเป็นผลให้อัตราเบี้ยเลี้ยงที่ใช้อยู่ไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้ ยกเว้นเบี้ยเลี้ยงของทหารกองประจำการที่ไปปฏิบัติราชการเพื่อป้องกันและปราบปรามนอกที่ตั้ง หรือปฏิบัติราชการสนาม ให้ปรับเพิ่มในอัตราเดียวกันกับอาสาสมัครทหารพราน จากวันละ 94 บาท เป็นวันละ 200 บาท (ที่ผ่านมาอัตราเบี้ยเลี้ยงมีการปรับเพียงครั้งเดียว คือเมื่อปี 2550 จากที่ใช้อัตราดังกล่าวมาตั้งแต่ปี38 )
พ.อ.คงชีพแถลงต่อว่า ที่ประชุมสภากลาโหมว่า พล.อ.ประวิตรได้ขอให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพแจ้งเตือนกำลังพลใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านสังคมออนไลน์ให้มากขึ้น ให้รู้ถึงผลกระทบที่จะตามมา หากกระทำการที่ผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ รวมทั้งจะต้องไม่โพสต์ส่งต่อข้อความ หรือข่าวสารที่ไม่สมควร ผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างเด็ดขาด
พ.อ.คงชีพกล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำให้ช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ที่มีวันหยุดยาว ขอให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ได้เพิ่มความเข้มงวดกวดขัน ในการรักษาความปลอดภัยบริเวณที่ตั้ง และพื้นที่รับผิดชอบของทุกหน่วย โดยประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด ให้มีการตั้งจุดตรวจ และด่านตรวจร่วมกัน รวมทั้งให้การสนับสนุนจัดกำลังพลเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ความช่วยเหลือ ณ จุดบริการประชาชนที่เดินทางตามถนนสายหลัก และทางน้ำ ตลอดจนกำชับผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ปฏิบัติตามกฎจราจรและมาตรการความปลอดภัยทางถนนอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการป้องกันและลดอันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อไป
พ.อ.คงชีพยังเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. พล.อ. ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. พร้อมด้วย พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวาณิชย์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ.และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.จะเดินทางไปเยือนกัมพูชา ระว่างวันที่ 24-25 ธ.ค.นี้ อย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าพบสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ พล.อ.เตีย บัญ รมว.กลาโหม กัมพูชา และประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป GBC เพื่อกระชับสัมพันธ์
โฆษกกลาโหมกล่าวว่า นอกจากเป็นการกระขับความสัมพันธ์แล้วยังมีการหารือเรื่องความร่วมมือพื้นที่เศรษฐกิจชายแดน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพราะถือว่าเป็นครั้งสำคัญที่ไปกันคณะใหญ่พร้อมหน้าเพราะมีการประขุมคณะกรรมการชายแดนด้วย โดยทั้งหมดจะเดินทางด้วยเครื่องบิน Airbus ของกองทัพอากาศ เช้า 24 ธ.ค.นึ้
ทั้งนี้ รมว.กลาโหมได้ขอให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ พิจารณาในประเด็นด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมการสนับสนุนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษใน 7 พื้นที่ชายแดน ได้แก่ จังหวัดตาก จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดสระแก้ว จังหวัดตราด จังหวัดหนองคาย จังหวัดสงขลา และจังหวัดนราธิวาส รวมถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น เรื่องแรงงานต่างด้าว ผู้หลบหนีเข้าเมือง การทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้มีการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่และเตรียมเครื่องมือ รวมทั้งมาตรการการปฏิบัติต่างๆ และบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ และเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด
พ.อ.คงชีพกล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตรยังขอให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพได้ให้ความสำคัญ เตรียมการและสนับสนุนผลจากการเดินทางไปเยือนสหพันธรัฐมาเลเซียของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ โดยเฉพาะกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน อันจะนำมาซึ่งความสงบสุขแก่พี่น้องประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวต่อว่า รมว.กลาโหมได้ขอให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ดำเนินการ และสนับสนุนหน่วยงานราชการอื่น ในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 60 พรรษา โดยมีชื่อพระราชพิธีว่า “พระราชพิธีฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เม.ย. 58” และชื่อการจัดงานเฉลิมพระเกียรติว่า “งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เม.ย. 58” ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง วันที่ 31 ธ.ค. 58 เพื่อน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณการแสดงถึงความจงรักภักดี พร้อมทั้งให้ประดับธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ และประชาสัมพันธ์เชิญชวนข้าราชการและครอบครัว ตลอดจนประชาชนทั่วไปเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ โดยพร้อมเพรียงกัน
