“ประวิตร” นำทีมประชุมจีบีซีไทย-ลาวชื่นมื่น ก่อนอ้อนขอกำลังใจจากสื่อ ยันตั้งใจจริงในการเข้ามาทำให้เกิดความสามัคคี สร้างพื้นฐานของประเทศให้มั่นใจ ไม่กดดันถูกจี้ให้จัดเลือกตั้งใน 1 ปี ย้ำเดินหน้าตามโรดแมป ยันเลือกตั้งท้องถิ่นมีแน่ แต่ต้องรอ รธน.ใหม่ ปฎิเสธคุย “แม้ว-ปู” บอกอยากเสนออะไรก็ให้มาคุยกัน
ที่โรงแรมแชงกรี-ลา บางรัก วันนี้ (28 พ.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.ท.แสงนวน ไซยะลาด รมว.ป้องกันประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไปไทย-ลาว (จีบีซี) ครั้งที่ 21 ร่วมกัน เพื่อปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทบทวนและประเมินผลของการปฏิบัติในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือโดยแสวงหากิจกรรมร่วมกันในปีต่อไป โดยมีพล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก พล.ร.อ.ธนะรัตน์ อุบล เสนาธิการทหารเรือ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง เสนาธิการทหารอากาศ นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้ได้พูดถึงความร่วมมือเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนและการเยือนของผู้นำทางทหารในระดับต่างๆ โดยมีการจัดกิจรรมด้านกีฬาและวัฒนธรรม เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้เกิดความแน่นแฟ้น โดยการจัดกีฬาครั้งแรกโดยมี พล.อ.วรพงษ์ เป็นประธาน
ทั้งนี้ยังได้มีการพูดคุยถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาคของสองประเทศในโอกาสต่อไป เพื่อเปิดช่องทางการประสานงานระหว่างชายแดนกรณีเกิดปัญหาเพื่อจะได้พูดคุยกันในระดับพื้นที่ โดยเนื้อหาเรื่องการดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงชายแดน เร่งรัดการปักปันชายแดน โดยคณะกรรมการทั้งสองฝ่ายจะหารือและดำเนินการต่อไป ตนคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร และคาดว่าจะมีการลงนามในอนาคตของทั้งสองประเทศในเรื่องเขตแดน รวมถึงความร่วมมือของประเทศในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง อีกทั้งได้มีการพูดคุยถึงเรื่องการปราบปรามยาเสพติดบริเวณชายแดนด้วย โดยจะต้องมีความร่วมมือระดับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารของทั้งสองประเทศ สำหรับเรื่องเขตเศรษฐกิจชายแดน หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช.ได้ไปเยือนประเทศลาวได้มีการพูดคุยเพิ่มเติมเรื่องพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษขึ้นอีก 1 จุด คือ จ.หนองคาย เพราะมีมูลค่าการค้าขายชายแดนค่อนข้างสูง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทาง รมว.ป้องกันประเทศของลาวได้ให้กำลังใจอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้ให้กำลังใจอะไรเป็นพิเศษ แต่เราต้องการกำลังใจจากนักข่าวมากๆ ประชาชนรู้ดีว่าเราทำด้วยความจริงใจ ต้องการสร้างพื้นฐานของประเทศให้มั่นคง โดยเฉพาะเรื่องการเมือง เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติและเกิดความสามัคคีกัน เมื่อได้กติกาแล้วทุกคนต้องถือกติกาในการอยู่ร่วมกัน เพื่อทำให้เกิดความมั่นคงถาวร
ส่วนที่มีความกดดันให้จัดการเลือกตั้งภายใน 1 ปี หลังรัฐประหารนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่มีความกดดัน เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นโรดแม็พที่ คสช.ตั้งไว้ และเราเองไม่อยากอยู่นาน เพียงแต่ต้องการทำให้เกิดความสามัคคีของคนในชาติ และให้ทุกฝ่ายใช้กติกาที่ช่วยกันคิดช่วยกันทำทั้งจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไม่ใช่ต่างคนต่างคิดต่างคนต่างทำ ซึ่งขอให้ทุกฝ่ายเสนอแนะว่า ควรจะเขียนรัฐธรรมนูญและเดินหน้าไปอย่างไร
ส่วนที่ คสช.จะใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวเข้ามาดูแลเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นที่เกิดปัญหาติดขัดอยู่ในขณะนี้หรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็อาจต้องใช้ แต่ไม่ใช้เพราะเกิดความขัดแย้ง เพียงแต่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งหรือคัดสรรก็คงต้องให้คณะกรรมการอยู่ไปก่อน และหากติกามาดู ถ้ากลัวว่าจะเกิดปัญหาก็หาคนมากำกับ ทั้งนี้ คงต้องใช้กฎหมายที่ คสช.จะต้องเป็นคนออก อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่นจะต้องมีอย่างแน่นอน และขึ้นอยู่กับว่ารัฐธรรมนูญจะเขียนอย่างไร ส่วนที่กลัวกันว่ากลุ่มนักการเมืองเก่าๆ จะกลับเข้ามานั้น ตนคิดว่าไม่ต้องกลัว ถ้าทุกคนมีความซื่อสัตย์ และหวังดีต่อประชาชนและประเทศชาติ เพื่อส่วนร่วมก็ไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ คสช.จะไปคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ใครคุยก็ได้ เพราะ สปช.เปิดโอกาส ถ้าอยากจะเสนออะไรก็มาคุยกัน