xs
xsm
sm
md
lg

“ประสาร” ฉะพวกวัวสันหลังหวะ ค้านถอดถอน 2 อดีต ปธ. - “คำนูณ” ยังไม่เคาะ ปธ.สปช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(แฟ้มภาพ)
“ประสาร” ซัดพวกวัวสันหลังหวะโวยถอดถอน “นิคม-สมศักดิ์” อ้างแต่ รธน.50 ยกเลิกเอาผิดไม่ได้ ไม่พูดถึง พ.ร.บ.ประกอบ รธน.ที่สามารถถอดถอนได้ แถมอ้างปรองดองเพื่อล้างบาป ฉะก่อนทำไม่คิด “คำนูณ” ยังไม่เคาะชื่อ ปธ.สปช.

วันนี้ (6 ต.ค.) นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงกรณีมีผู้ไม่เห็นด้วยต่อการถอดถอนสำนวนของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ว่ามีแต่วัวสันหลังหวะเท่านั้นที่ออกมาโวยวาย คนที่ไม่ผิดไม่มีใครสักคนที่เดือดร้อน และกระบวนการถอดถอนกำหนดขึ้นเพื่อล้างคนพาล อภิบาลคนดี คนพวกนี้อ้างว่ารัฐธรรมนูญ ปี 50 ยกเลิกไปแล้ว จึงเอาผิดพวกเขาไม่ได้ แต่ไม่ยอมพูดถึง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช.ปี 42 ในมาตรา 64, 56 (1) ที่กำหนดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องส่งเรื่องชี้มูลความผิดให้วุฒิสภาดำเนินการถอดถอน ซึ่งรัฐธรรมนูญ 57 กำหนดให้ สนช.ทำหน้าที่วุฒิสภา

คนพวกนี้ยังอ้างเอาการปรองดองมาเป็นยาวิเศษเพื่อล้างบาปที่ตนเองก่อไว้โดยไม่เคารพหลักนิติรัฐนิติธรรม ดังเช่นความพยายามที่จะเอาเสียงข้างมากฉ้อฉลออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมตอนตี 4 ครึ่ง แล้วผลเป็นอย่างไรกับคนที่ทำเมื่อพวกเขาไม่ยอมรับกฎแห่งกรรมที่กำลังทำหน้าที่สนองตอบ และยังปฏิเสธกระบวนการนิติบัญญัติที่กำลังทำหน้าที่ป้องกันคนบาปไม่ให้มาครองบ้านครองเมือง ก็เหมือนนักโทษกำลังวางแผนหนีคุก ก่อนทำไม่คิด พอชนักติดหลังกลับเป็นเสือไม่สำนึกบาป ก็ไม่มีทางอื่นนอกจากต้องปล่อยพวกเขาทุรนทุรายต่อไป

ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวภายหลังที่ได้มีการโปรดเกล้าฯ รายชื่อ สปช.ว่า ตนเพิ่งเห็นรายชื่อเช่นกัน ส่วนตัวแล้วยังไม่มั่นใจว่าจะเข้าไปรายงานตัวที่อาคารรัฐสภาในวันใดเนื่องจากในวันพรุ่งนี้ตนมีภารกิจช่วงบ่าย ส่วนในเรื่องการสรรหาบุคคลที่จะทำหน้าที่ประธาน สปช.นั้น ตนขอรอดูรายชื่อที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่งแล้วค่อยตัดสินใจจะดีกว่า

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า การทำงานของ สปช. นับจากนี้ไปถือว่ามีเวลาระยะสั้นประมาณเพียง 1 ปีเท่านั้น ดังนั้น สปช.ทุกคนต้องมีแนวทางการทำงานที่มีทิศทางเดียวกัน เพราะถ้าต่างคนต่างคิดและเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง จะส่งผลให้การปฏิรูปประเทศเป็นไปไม่ได้ เพราะหากเอาแต่เอาความคิดใคร ความคิดมัน การปฎิรูปประเทศก็ไม่ทางเดินหน้าไปได้ ไม่ต่างอะไรกับการตีกันเอง นอกจากนี้จะ ต้องปิดจุดอ่อนที่เคยสร้างปัญหามาในอดีตให้หมด โดยเฉพาะการใช้อำนาจรัฐในทางที่มิชอบ เพราะที่ผ่านมาระบบการตรวจสอบยังไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่

นายวันชัย ยังกล่าวถึงนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมืองแสดงความไม่เห็นด้วยกับรายชื่อ สปช. ว่า ตนดูรายชื่อแล้วเห็นความครอบคลุมทุกภาคส่วนและถือว่ายอมรับได้ และผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการที่มีคุณภาพ อีกทั้งกลุ่ม 40 ส.ว ก็เข้ามาได้เพียง 4-5 คนเท่านั้น ส่วนกระแสวิจารณ์ก็พร้อมรับไว้แต่ขอพิสูจน์การทำงานหลังจากนี้ และขอให้ สปช. ทุกคนลดอัตตาลง และวางเป้าหมายการปฏิรูปประเทศเป็นหลักไว้เป็นข้อๆ เรียงลำดับเอาไว้ เพราะหากนำทุกความเห็นของ 250 คนก็จะไม่สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าในระยะเวลา 1 ปี จะสามารถปฏิรูปเรื่องสำคัญของประเทศแน่นอนโดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จะแก้ปัญหาการเมืองในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งของนักการเมือง การใช้อำนาจรัฐ และการเอื้อประโยชน์พวกพ้อง และ ปัญหาเรื่องทุจริตคอรัปชั่น จะถูกแก้ไขอย่างแน่นอน

นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม เปิดเผยว่า รายชื่อ สปช. ทั้ง 250 คน จะต้องมาช่วยการปฎิรูปประเทศ ทั้ง 11 ด้าน เช่นการบริหารราชการแผ่นดิน ลดการทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง กระบวนการยุติธรรม หรือการปฎิรูปการศึกษาเป็นต้น ซึ่งกระบวนการที่สำคัญของ สปช. คือการตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จคาดว่า 6 เดือน เพื่อนำประเทศไปสู่ประชาธิปไตย

ขณะที่มีบางกลุ่มที่คัดค้านและไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ คสช. นั้น รัฐบาลได้พยายามดึงทุกกลุ่มเข้ามาร่วม แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ เช่นบางคนมีคดีความจึงไม่สามารถแต่งตั้งเป็น สปช. นอกจากนี้รัฐบาลยินดีที่จะให้คู่ขัดแย้งตั้งเวทีคู่ขนานตรวจสอบการทำงานของ สปช. เพราะเห็นว่า การจัดเวทีดังกล่าวจะช่วยเตือนสติในการทำงานของ รัฐบาล และรัฐบาลทราบดีว่าแนวทางของ คสช.ไม่อาจทำให้ประชาชนเห็นด้วยได้ทั้งหมดแต่จะพยายามให้คนส่วนใหญ่ ให้การยอมรับ อีกทั้งยืนยันว่า แนวทางการทำงาน ระหว่าง สปช. และ สนช. เป็นการทำงานที่ใกล้ชิดในการผลักดันร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ ถือเป็นนวัตกรรมในการทำงานบริหารประเทศ

ทั้งนี้ การประชุมคณะรัฐมนตรี( ครม.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นัดแรกในวันที่ 7 ต.ค.นี้ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง จะรายงานแผนงานการบูรณาการ 4 กระทรวง อาทิ แผนงานการ ประสานสวัสดิการทางการแพทย์ ซึ่งจะดูเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชาชนได้ประโยชน์ ในการรักษาสุขภาพและสาธารณสุขอย่างเป็นระบบ พร้อมรายงานความคืบหน้าการปฎิรูปการศึกษา ด้วยการผลักดันการศึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การศึกษาผ่านดาวเทียม และการขยายเครือข่ายการเรียนการสอนผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งเร่งดำเนิน 2-3 เดือนนี้ พร้อมกับเตรียมเปิดตัวแอปพิลเคชั่นบนมือถือ ซึ่งจะเป็นแหล่งรวงความรู้ให้กับชุมชน ได้เข้าถึงการศึกษา ซึ่งจะเปิดตัวภายในเร็วๆ นี้


กำลังโหลดความคิดเห็น