กองบัญชาการกองทัพไทย ยืนยันมีการฝึก “คอบร้าโกลด์ 2015” ระหว่างไทย-สหรัฐฯ เหมือนเดิม แต่ปีนี้เป็น “ไลต์เยียร์” เน้นการฝึกช่วยเหลือด้านภัยพิบัติ อีกด้านหนึ่งประชุมจีบีซี “ไทย-มาเลเซีย” ขยายร่วมมือเศรษฐกิจและสังคม สร้างบรรยากาศสู่การพูดคุยสันติสุข
วันนี้ (29 ม.ค.) แหล่งข่าวระดับสูงจากกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวถึงกรณีที่นางเจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ระบุว่าสหรัฐอเมริกาลดระดับการฝึกร่วมผสมระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ภายใต้รหัส “คอบร้าโกลด์” ประจำปี 2015 ว่า ยืนยันว่าการฝึกคอบร้าโกลด์ประจำปี 2015 ยังคงมีตามปกติ ซึ่งที่ผ่านมาทั้งไทยและสหรัฐอเมริกาได้มีการประชุมเตรียมสถานที่ในการฝึก เน้นฝึกในพื้นที่ภาคกลาง เป็นการช่วยเหลือภัยพิบัติ โดยในปีนี้เป็นการฝึกในรูปแบบไลต์เยียร์ ที่เน้นเรื่องการบรรเทาภัยพิบัติ และการวางแผนไม่ใช่การเน้นฝึกหนักด้านอาวุธ โดยแต่ละปีจะหมุนเวียนการฝึกแบบไลท์เยียร์และเฮฟวี่เยียร์
ทั้งนี้จะมีการแถลงการฝึกร่วมดังกล่าว โดย พล.ท.วัลลภ รักเสนาะ เจ้ากรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และนายแพทริก เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 2 ก.พ.นี้ ที่กองบัญชาการกองทัพไทย และจะมีพิธีเปิดการฝึกที่โรงเรียนเตรียมทหาร จ.นครนายก วันที่ 9 ก.พ. 58 และปิดการฝึกในวันที่ 20 ก.พ. 58 ที่ศูนย์ฝึกทางยุทธวิธีกองทัพบก อ.ม่วงค่อม จ.ลพบุรี กำลังทหารที่เข้าร่วมทั้งหมดจาก 26 ประเทศ
อีกด้านหนึ่งที่สโมสรทหารบก เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ท.บุญชู เกิดโชค เจ้ากรมกิจการชายแดน กองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย ว่าเป็นการรับทราบผลการดำเนินการของคณะกรรมการระดับสูง ที่มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดสองประเทศเป็นประธาน และ ผลการดำเนินการของคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค รวมทั้งการดำเนินกิจกรรมและการปฏิบัติการร่วมด้านกรรักษาความมั่นคง ตลอดจนการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ และสังคมจามแนวชายแดนสองประเทศ รวมทั้งความก้าวหน้าจากความพยายามในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ระหว่างกัน เช่น ปัญหาลักลอบค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมาย อาชญากรรมข้ามชาติ และการก่อการร้ายสากล ซึ่งผลการประชุมครั้งนี้จะนำมาซึ่งความเข้าใจที่ดี
“เป็นการพูดคุยถึงความร่วมมือในการดูแลความสงบเรียบร้อยชายแดนของสองประเทศ อาจถือได้ว่าเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีในการเอื้ออำนวยในการพูดคุยสันติสุข ในฐานะมาเลเซียถือเป็นผู้อำนวยความสะดวก” พล.ท.บุญชู กล่าวและว่า สำหรับเขตแดนยังเหลือที่ยังไม่ได้ปักปัน คือ หลักเขตที่ 69, 70 และ 72 ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่า ทำให้ไม่มีผลในเรื่องของข้อขัดแย้ง สำหรับท่าทีของมาเลเซียในครั้งนี้ถือว่าดีมาก ซึ่ง รมว.กลาโหม ได้เดินทางมาประชุมจีบีซี กับไทยเร็วกว่ากำหนดเดิม ซึ่งมาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียนในเร็วๆ นี้ด้วย
