xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ตอกกลับ “พี่จิ๋ว” ไม่ปฏิวัติตัวเอง ลั่นมุ่งลดเหลื่อมล้ำ เปรยเลือกตั้งทุกครั้งยังเลือกผิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกฯ ลงนามเอ็มโอยูความร่วมมือการอำนวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม 5 หน่วยงาน แจงการทำงานล่าช้าเพราะแก้ที่ระบบ ที่ผ่านมาตั้งศูนย์ดำรงธรรมลดภาระให้ ก่อนเคลื่อนไหวเศรษบกิจพอเพียง-แก้หนี้นอกระบบ ลั่นดูแล 3 ด้าน “ความมั่นคง-สังคมจิตวิทยา-เศรษฐกิจ” เผยที่ผ่านมาตัวเองไปเลือกตั้งทุกครั้งก็ยังเลือกผิด วอนเลือกสิ่งดีๆ มากกว่านโยบายก่อหนี้ ตอกกลับ “บิ๊กจิ๋ว” ไม่ปฏิวัติตัวเอง

วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการอำนวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการประสานความร่วมมือภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานบูรณาการทำงานให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมได้โดยง่ายสะดวกรวดเร็วและเสมอภาค พร้อมกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า รัฐบาลสัญญากับประชาชนว่าจะทำให้บ้านเมืองมีความสุขในทุกๆ ด้าน แต่ขณะนี้การทำงานค่อนข้างล่าช้า เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ระบบ ซึ่งทำได้ยาก แต่วันนี้รัฐบาลได้เข้ามาดูแลเรื่องลดความเหลื่อมล้ำแล้วด้วยความตั้งใจ และหวังว่าประชาชนจะไม่หนีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเข้าถึงกันมากขึ้น เพื่อให้เกิดการใช้กฎหมายที่ดี ไม่ต้องมาถึงทหารเพราะวันนี้เหนื่อยแล้ว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กระบวนการยุติธรรมมีความสำคัญที่ทุกประเทศต้องมีกฎหมายเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติ สิ่งที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมรัฐบาลจะเข้าไปดูแล ลดภาระให้ ด้วยการตั้งศูนย์ดำรงธรรมทุกจังหวัด เพื่อเข้าแก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และความไม่เท่าเทียม ซึ่งจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวด้วยแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้วในระยะแรก ขณะที่การแก้ปัญหาหนี้สินนอกระบบก็จะมีการคุ้มครองทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถอยู่ได้ แต่ไม่ใช่การล้างหนี้ แต่รัฐบาลจะหาแนวทางในการช่วยเหลือต่อไป

“ขณะนี้เรากำลังเดินหน้าในการปฎิรูป โดย คสช.และรัฐบาลเข้ามาทำงานด้วยความตั้งใจ สร้างความยั่งยืนให้กับประเทศและให้ความสำคัญในทุกเรื่อง แต่เมื่อดำเนินการผ่านไปพบว่ามีปัญหามาก โดยเฉพาะประชาชนที่จะต้องได้รับการดูแล 3 ด้าน คือ 1. ด้านความมั่นคง รัฐบาลจะอำนวยความยุติธรรมให้ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ไม่มีเหตุผลใดใช้กฎหมายเพื่อความเดือดร้อน แต่มีเจตนาเพื่อลดความขัดแย้ง 2. ด้านสังคมจิตวิทยา ซึ่งเจ้าหน้าต้องมีคุณธรรมและจริยธรรม รัฐบาลและ คสช.ได้พูดทุกครั้งว่า ทั้งข้าราชการประจำและฝ่ายการเมือง ต้องเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางในการแก้ปัญหาและต้องแยกให้ได้ว่ามีประชาชนกลุ่มใดบ้างที่จะได้รับผลกระทบ และ 3. ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลจะใช้งบประมาณให้คุ้มค่าและหารายได้เข้าประเทศ ทั้งนี้การดำเนินการจะต้องวางระบบให้ฝ่ายบริหารมีธรรมาภิบาล สามารถตรวจสอบได้ เพื่อให้ทุกอย่างส่งถึงประชาชน อย่างเป็นระบบและต่อเนื่องและวันนี้ได้วางแผนการใช้งบประมาณปี 2558 แล้ว และรื้องบประมาณปี 2557 มาทำใหม่ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีเหตุการณ์ประท้วงจึงทำให้งบไม่สามารถใช้จ่ายได้ จึงได้นำมาใช้ในปลายปีนี้ โดยเชื่อว่าในไตรมาสแรกเดือนมกราคมนี้เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น แต่ทุกคนต้องมีจิตสำนึกไม่ทุจริต โดยต้องสร้างทั้งคนและระบบใหม่ อย่ามองเพียงการจับผิดโกงอย่างเดียว และที่ผ่านมามักมีการตั้งเวทีวิจารณ์กัน ต้องขอร้องว่าไม่อยากให้มีขึ้นอีก เพราะไม่เกิดประโยชน์ การแสดงความคิดเห็นทำได้แต่อย่าให้เกิดความรุนแรง ทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุดและคิดถึงประเทศชาติเป็นหลัก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ผ่านมาพยายามพูดและอธิบายมากมีทั้งคนฟังและไม่ฟัง ก็ไม่เป็นไร เพราะตนเองต้องการให้ประชาชนรับรู้ว่าการดำเนินงานเดินหน้าไปอย่างไร และยืนยันว่าที่ คสช.และรัฐบาลทำทุกอย่างไม่ได้ทำเพื่อใครแต่ทำเพื่อประเทศชาติเป็นหลัก และลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน เพราะฉะนั้นคดีที่เกิดก่อน 22 พ.ค. ต้องว่าตามขั้นตอนและกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเราต้องการลดความเหลื่อมล้ำและปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้เป็นธรรมและสร้างความเชื่อมั่น อย่างปัจจุบันมีเรื่องร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงธรรมกว่า 2 แสนเรื่อง ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายทั้งสิ้น

“เวลาผมไปต่างประเทศชาวต่างชาติชื่นชมว่าคนไทยโชคดีที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงทำงานให้แก่ประเทศชาติและประเทศชาติอย่างที่ประเทศไหนไม่เคยทำมาก่อน น้ำตาผมจะไหลทุกครั้ง พวกผมเป็นทหารนึกอะไรไม่ออกหรือช่วงทุกข์ทรมานก็จะนึกถึงพระองค์ท่าน ก็จะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคไปได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ขอให้ประชาชนตัดสินใจเลือกสิ่งดีๆ ที่ผ่านมาตนเองก็ไปเลือกตั้งทุกครั้งก็ยังเลือกผิด จึงขอให้ฟังนโยบายการหาเสียงดีๆ เช่นกัน ไม่ใช่ฟังนโยบาย ว่าจะได้ 15,000 บาท หรือ 20,000 บาท แล้วก็เลือก สุดท้ายวันนี้ก็ยังใช้หนี้อยู่ ทิ้งหนี้ให้เป็นภาระของตนเอง อย่างไรก็ตามโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ยืนยันว่ารัฐบาลจะยกเลิกเพื่อไม่ให้เกิดการกล่าวหาว่าชุบมือเปิบ ใช้เงินที่รัฐบาลชุดที่แล้วกู้มา โดยการบริหารจัดการน้ำก็จะใช้งบประมาณประจำปีแทน

“เราไม่มีโอกาสที่จะฟื้นฟูหรือปฎิรูปเช่นนี้อีกแล้ว วันนี้จึงมีความเห็นที่แตกต่างและขัดแย้งกันบ้าง ก็ไม่มีใครผิดหรือถูก เมื่อเราอยากได้ความสุข ความถูกต้อง ความเป็นธรรมประเทศมีความก้าวหน้า ต้องอดทน เชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน ขอให้เราได้ดำเนินการก่อน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเตือนรัฐบาลอาจมีการปฏิวัติซ้ำว่า “ผมไม่ปฏิวัติตัวเองหรอก” เมื่อถามย้ำว่า แล้วถ้าคนอื่นปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสวนตอบทันทีว่าไม่มี เมื่อถามว่า มั่นใจเช่นนั้นหรือ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบว่า “ไม่มีหรอก”





















กำลังโหลดความคิดเห็น