เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (8 ธ.ค.) ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการอำนวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการประสานความร่วมมือภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานบูรณาการทำงานให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็ว และเสมอภาค
นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า รัฐบาลสัญญากับประชาชนว่า จะทำให้บ้านเมืองมีความสุขในทุกๆ ด้าน แต่ขณะนี้การทำงานค่อนข้างล่าช้า เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ระบบ ซึ่งทำได้ยาก แต่วันนี้รัฐบาลได้เข้ามาดูแลเรื่องลดความเหลื่อมล้ำแล้วด้วยความตั้งใจ และหวังว่าประชาชนจะไม่หนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเข้าถึงกันมากขึ้น เพื่อให้เกิดการใช้กฎหมายที่ดี ไม่ต้องมาถึงทหาร เพราะวันนี้เหนื่อยแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ากระบวนการยุติธรรมมีความสำคัญที่ทุกประเทศต้องมีกฎหมายเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งสิ่งที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลจะเข้าไปดูแล ลดภาระให้ด้วยการตั้งศูนย์ดำรงธรรมทุกจังหวัด เพื่อเข้าแก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และความไม่เท่าเทียม ซึ่งจะนำไปสู่การเคลื่อนไหว ด้วยแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้วในระยะแรก ขณะที่การแก้ปัญหาหนี้สินนอกระบบ ก็จะมีการคุ้มครองทั้งลูกหนี้ และเจ้าหนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถอยู่ได้ แต่ไม่ใช่การล้างหนี้ แต่รัฐบาลจะหาแนว ทางในการช่วยเหลือต่อไป
"ขณะนี้เรากำลังเดินหน้าในการปฎิรูป โดยคสช. และรัฐบาลเข้ามาทำงานด้วยความตั้งใจ สร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ และให้ความสำคัญในทุกเรื่อง แต่เมื่อดำเนินการผ่านไป พบว่ามีปัญหามาก โดยเฉพาะประชาชนที่จะต้องได้รับการดูแล 3 ด้าน คือ
1. ด้านความมั่นคง ซึ่งรัฐบาลจะอำนวยความยุติธรรมให้ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ไม่มีเหตุผลใดใช้กฎหมายเพื่อความเดือดร้อน แต่มีเจตนาเพื่อลดความขัดแย้ง
2. ด้านสังคมจิตวิทยา ซึ่งเจ้าหน้าต้องมีคุณธรรม และจริยธรรม ซึ่งรัฐบาลและคสช. ได้พูดทุกครั้งว่า ทั้งข้าราชการประจำ และฝ่ายการเมือง ต้องเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางในการแก้ปัญหา และต้องแยกให้ได้ว่า มีประชาชนกลุ่มใดบ้างที่จะได้รับผลกระทบ
3. ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลจะใช้งบประมาณให้คุ้มค่า และหารายได้เข้าประเทศ
ทั้งนี้ การดำเนินการจะต้องวางระบบให้ฝ่ายบริหารมีธรรมาภิบาล สามารถตรวจสอบได้ เพื่อให้ทุกอย่างส่งถึงประชาชนอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้ได้วางแผนการใช้งบประมาณปี 2558 แล้ว และรื้องบประมาณปี 2557 มาทำใหม่ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ประท้วง จึงทำให้งบไม่สามารถใช้จ่ายได้ จึงได้นำมาใช้ในปลายปีนี้ โดยเชื่อว่าในไตรมาสแรกเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น แต่ทุกคนต้องมีจิตสำนึก ไม่ทุจริต โดยต้องสร้างทั้งคน และระบบใหม่ อย่ามองเพียงการจับผิดโกงอย่างเดียว และที่ผ่านมามักมีการตั้งเวทีวิจารณ์กัน ซึ่งต้องขอร้องว่า ไม่อยากให้มีขึ้นอีก เพราะไม่เกิดประโยชน์ การแสดงความคิดเห็นทำได้ แต่อย่าให้เกิดความรุนแรง ทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด และคิดถึง ประเทศชาติเป็นหลัก" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้พยายามพูด และอธิบายมาก มีทั้งคนฟังและไม่ฟัง ก็ไม่เป็นไร เพราะตนต้องการให้ประชาชนรับรู้ว่า การดำเนินงานเดินหน้าไปอย่างไร และยืนยันว่าที่คสช. และรัฐบาลทำทุกอย่าง ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อประเทศชาติเป็นหลัก และลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน เพราะฉะนั้น คดีที่เกิดก่อน 22 พ.ค. ต้องว่าตามขั้นตอน และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเราต้องการลดความเหลื่อมล้ำ และปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้เป็นธรรม และสร้างความเชื่อมั่น อย่างปัจจุบันมีเรื่องร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงธรรมกว่า 2 แสนเรื่อง ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายทั้งสิ้น
"เวลาผมไปต่างประเทศ ชาวต่างชาติชื่นชมว่าคนไทยโชคดีที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชน อย่างที่ประเทศไหนไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งผมน้ำตาจะไหลทุกครั้ง พวกผมเป็นทหาร นึกอะไรไม่ออก หรือช่วงทุกข์ทรมาน ก็จะนึกถึงพระองค์ท่าน ก็จะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคไปได้"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ขอให้ประชาชนตัดสินใจเลือกสิ่งดีๆ ที่ผ่านมาตนเองก็ไปเลือกตั้งทุกครั้ง ก็ยังเลือกผิด จึงขอให้ฟังนโยบายการหาเสียงดีๆเช่นกัน ไม่ใช่ฟังนโยบายว่าจะได้ 15,000 บาท หรือ 20,000 บาท แล้วก็เลือก สุดท้ายวันนี้ก็ยังใช้หนี้อยู่ ทิ้งหนี้ให้เป็นภาระของตนเอง
อย่างไรก็ตามโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ยืนยันว่า รัฐบาลจะยกเลิก เพื่อไม่ให้เกิดการกล่าวหาว่าชุบมือเปิบ ใช้เงินที่รัฐบาลชุดที่แล้วกู้มา โดยการบริหารจัดการน้ำ ก็จะใช้งบประมาณประจำปีแทน
"เราไม่มีโอกาสที่จะฟื้นฟู หรือปฏิรูปเช่นนี้อีกแล้ว วันนี้จึงมีความเห็นที่แตกต่าง และขัดแย้งกันบ้างก็ไม่มีใครผิดหรือถูก เมื่อเราอยากได้ความสุข ความถูกต้อง ความเป็นธรรม ประเทศมีความก้าวหน้า ต้องอดทน เชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน ขอให้เราได้ดำเนินการก่อน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
** การบริหารต้องยึดหลักโปร่งใส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลองค์กรโปร่งใส ประจำปี 2557 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี โดยองค์กรที่ได้รับรางวัล ประกอบด้วย กรมอนามัย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ความโปร่งใสในการบริหารจัดการองค์กรของประเทศไทย” ว่า ผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริต ไม่สามารถทำงานเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่งได้ เพราะปัญหาการทุจริตเป็นกับดักประเทศ ต้องยึดกฎ ระเบียบ ค่านิยม เพราะเรื่องเหล่านี้มีส่วนได้ส่วนเสีย กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ต้องสร้างความเข้าใจ ปลูกฝังค่านิยม รู้คุณธรรม ต้องมีจริยธรรม ที่คนส่วนใหญ่เห็นว่าดี เราต้องยึดถือปฏิบัติ ไม่อยากให้กฎหมายเป็นเรื่องของการลงโทษอย่างเดียว แต่กฎหมายมีไว้คคุ้มครองทุกคน ต้องลดความเหลื่อมล้ำ ให้คนเข้าถึงกระบวนการต่อสู้อย่างยุติธรรม กฎหมายต้องทำให้คนอยู่ร่วมกันได้ ไม่ใช่สร้างความแตกแยก
นายกฯ กล่าวว่า เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ ต้องมีเสถียรภาพ และความโปร่งใจ เพื่อสร้างความไว้วางใจ ไม่อยากทำให้ประเทศเสียหายไปมากกว่านี้ การเข้ามา ไม่ได้อยากเข้ามาสร้างความเดือดร้อน หรือต้องการมีอำนาจ แต่ต้องมีอำนาจ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า เรื่องโครงสร้างพื้นฐานอยากทำ แต่ไม่มีเงิน ดังนั้น ต้องหารายได้เข้ารัฐมากขึ้น ทำจากประเทศที่มีรายได้ปานกลาง เป็นประเทศที่มีรายได้สูง ยังดีที่ประเทศ มีหนี้สาธารณะไม่เกิน 46 เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าเกินกว่านี้ ต้องเหนื่อยหน่อย เพราะเราเป็นประเภทใช้เงินได้ แต่หาเงินไม่ได้ จึงถอยหลังอยู่อย่างนี้ เป็น“เสือย่อตัว” ขาหลังอ่อนแรง
ต่อไปนี้ต้องวางยุทธศาสตร์ชาติ ที่ให้ประชาชนรู้ว่าจะเจออะไรในอนาคต เพื่อให้เกิดการรับรู้ รับทราบ เพื่อไม่ให้ประเทศชาติไม่สะดุด ไม่มีการคัดค้าน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ต้องเตรียมแผนเพื่อให้เกิดการปฏิบัติ ไม่อยากนั้นหาคนรับผิดชอบไม่ได้ ต้องรู้จักสิทธิมนุษยชน เคารพกติกา แต่ไม่ใช่คำนึงสิทธิเสรีภาพอย่างเดียว ต้องรู้จักหน้าที่ด้วย และต้องรังเกียจคนทุจริต ต้องอยู่กลางของความพอดี คนทุจริตต้องถูกลงโทษ คนทำบาปต้องละอาย ไม่ใช่มาเชิดหน้าชูตาในสังคม คนในสังคมต้องปฏิเสธคนทุจริต ต้องรู้จักแบ่งปัน ไม่ใช่กอบโกยเพียงอย่างเดียว ทำองค์กรด้านกฎหมายมีความเชื่อมั่น อย่าทำให้เส้นแบ่งความชอบธรรม ความโปร่งใส การตรวจสอบ ทับซ้อนกันจนทำงานไม่ได้ ต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมทุกภาคส่วน
นายกฯ กล่าวว่า ระบบราชการต้องแก้ไข เพราะโครงสร้างมีปัญหามาก ต้องปรับใหม่ทั้งหมด แต่การปฏิรูประบบราชการใน 1 ปีทำได้ยาก การลดคนทำง่าย แต่คนที่ตกงานจะเดือดร้อน ก็ต้องมาหางานให้เขาทำอีก การเปลี่ยนงานทำได้ แต่อย่าให้ย้ายที่ทำงานให้โตในจังหวัด อย่าไปแบ่งเป็น 2 ครอบครัว ต้องมีเมียเดียว ตนเป็นเบญจศีล ถ้าจะปฏิรูปต้องดูทั้งระบบ เวลาทำงานคิดแล้วสั่ง แต่เมื่อสั่งแล้วต้องดูคนที่ไปปฏิบัติด้วยว่าไม่เดือดร้อน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ต้องทำให้กฏหมายถ่วงดุล ต้องอยู่ตรงกลาง ไม่อย่างนั้นประเทศชาติเลวหมด อย่าทำให้เกิดเส้นแบ่ง การบริหาร การตรวจสอบ ทับซ้อนกันจนทำงานไม่ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ ตนเป็นห่วงเรื่องการปฏิรูป ผู้ที่มีส่วนต้องชี้เป็นชี้ตาย ผู้บริหาร เช่น ป.ป.ช. หรือ องค์กรอิสระต่างๆ อันตราย เพราะถูกกดดัน ต้องไปหามาตรการป้องกันตัวเอง เวลามีมาตรการป้องกันตัวเองแบบนี้ ยกมือก็ยกได้หมด ต้องดูแลท่าน เพราะรู้ว่าถูกกดดัน ทั้งเรื่องโทรศัพท์ อันตราย ลูก เมีย ก็เดือดร้อน เหมือนกันหมด ใครจะทำอะไรดีๆ ก็อันตราย เพราะคนไม่ดีมันใช้นอกกฎหมาย วันนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น ขอให้ทุกคนอดทนอีกนิด อย่าเพิ่งกังวล อย่าเพิ่งร้องเรียน ที่แก้มานี้ ก็แก้มากกว่าทุกรัฐบาลแล้ว แค่ 3 เดือน จะเอาเร็ว ทุกอย่างมันยาก ต้องค่อยๆ เดินไป ทำไป
นายกฯ กล่าวว่า ปีใหม่ปีนี้ ขอให้มีความสุข ของขวัญไม่ต้องห่วง มีเยอะ มีกว่า 700-800 รายการ ขายของลดราคา ถ้าลดได้อยากให้ลด 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนพ่อค้าแม่ค้าที่จะฉวยโอกาส ราคาแก๊สขึ้น 10 สตางค์ จะมาขึ้น 5 บาทไม่ได้ เจออย่างนี้จับหมด ส่วนเรื่องราคาข้าว ราคายาง ต้องไปดูว่าปัญหาจากไหน ไล่ดู ทั้งผู้ประกอบการ คนปลูก รัฐบาลที่สั่งให้ปลูก ปัญหาอยู่ตรงไหน ต้องไปไล่ให้เจอ
จากนั้น นายกฯ เยี่ยมชมนิทรรศการของ 4 องค์กร ที่ได้รับรางวัลองค์กรโปร่งใส คือ กรมอนามัย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยได้รับประทานกล้วยน้ำว้า ที่กรมอนามัยมอบให้ หลังมีนโยบายส่งเสริมคุณภาพของกรมอนามัย
นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า รัฐบาลสัญญากับประชาชนว่า จะทำให้บ้านเมืองมีความสุขในทุกๆ ด้าน แต่ขณะนี้การทำงานค่อนข้างล่าช้า เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ระบบ ซึ่งทำได้ยาก แต่วันนี้รัฐบาลได้เข้ามาดูแลเรื่องลดความเหลื่อมล้ำแล้วด้วยความตั้งใจ และหวังว่าประชาชนจะไม่หนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเข้าถึงกันมากขึ้น เพื่อให้เกิดการใช้กฎหมายที่ดี ไม่ต้องมาถึงทหาร เพราะวันนี้เหนื่อยแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ากระบวนการยุติธรรมมีความสำคัญที่ทุกประเทศต้องมีกฎหมายเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งสิ่งที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลจะเข้าไปดูแล ลดภาระให้ด้วยการตั้งศูนย์ดำรงธรรมทุกจังหวัด เพื่อเข้าแก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และความไม่เท่าเทียม ซึ่งจะนำไปสู่การเคลื่อนไหว ด้วยแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้วในระยะแรก ขณะที่การแก้ปัญหาหนี้สินนอกระบบ ก็จะมีการคุ้มครองทั้งลูกหนี้ และเจ้าหนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถอยู่ได้ แต่ไม่ใช่การล้างหนี้ แต่รัฐบาลจะหาแนว ทางในการช่วยเหลือต่อไป
"ขณะนี้เรากำลังเดินหน้าในการปฎิรูป โดยคสช. และรัฐบาลเข้ามาทำงานด้วยความตั้งใจ สร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ และให้ความสำคัญในทุกเรื่อง แต่เมื่อดำเนินการผ่านไป พบว่ามีปัญหามาก โดยเฉพาะประชาชนที่จะต้องได้รับการดูแล 3 ด้าน คือ
1. ด้านความมั่นคง ซึ่งรัฐบาลจะอำนวยความยุติธรรมให้ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ไม่มีเหตุผลใดใช้กฎหมายเพื่อความเดือดร้อน แต่มีเจตนาเพื่อลดความขัดแย้ง
2. ด้านสังคมจิตวิทยา ซึ่งเจ้าหน้าต้องมีคุณธรรม และจริยธรรม ซึ่งรัฐบาลและคสช. ได้พูดทุกครั้งว่า ทั้งข้าราชการประจำ และฝ่ายการเมือง ต้องเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางในการแก้ปัญหา และต้องแยกให้ได้ว่า มีประชาชนกลุ่มใดบ้างที่จะได้รับผลกระทบ
3. ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลจะใช้งบประมาณให้คุ้มค่า และหารายได้เข้าประเทศ
ทั้งนี้ การดำเนินการจะต้องวางระบบให้ฝ่ายบริหารมีธรรมาภิบาล สามารถตรวจสอบได้ เพื่อให้ทุกอย่างส่งถึงประชาชนอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้ได้วางแผนการใช้งบประมาณปี 2558 แล้ว และรื้องบประมาณปี 2557 มาทำใหม่ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ประท้วง จึงทำให้งบไม่สามารถใช้จ่ายได้ จึงได้นำมาใช้ในปลายปีนี้ โดยเชื่อว่าในไตรมาสแรกเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น แต่ทุกคนต้องมีจิตสำนึก ไม่ทุจริต โดยต้องสร้างทั้งคน และระบบใหม่ อย่ามองเพียงการจับผิดโกงอย่างเดียว และที่ผ่านมามักมีการตั้งเวทีวิจารณ์กัน ซึ่งต้องขอร้องว่า ไม่อยากให้มีขึ้นอีก เพราะไม่เกิดประโยชน์ การแสดงความคิดเห็นทำได้ แต่อย่าให้เกิดความรุนแรง ทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด และคิดถึง ประเทศชาติเป็นหลัก" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้พยายามพูด และอธิบายมาก มีทั้งคนฟังและไม่ฟัง ก็ไม่เป็นไร เพราะตนต้องการให้ประชาชนรับรู้ว่า การดำเนินงานเดินหน้าไปอย่างไร และยืนยันว่าที่คสช. และรัฐบาลทำทุกอย่าง ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อประเทศชาติเป็นหลัก และลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน เพราะฉะนั้น คดีที่เกิดก่อน 22 พ.ค. ต้องว่าตามขั้นตอน และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเราต้องการลดความเหลื่อมล้ำ และปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้เป็นธรรม และสร้างความเชื่อมั่น อย่างปัจจุบันมีเรื่องร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงธรรมกว่า 2 แสนเรื่อง ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายทั้งสิ้น
"เวลาผมไปต่างประเทศ ชาวต่างชาติชื่นชมว่าคนไทยโชคดีที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชน อย่างที่ประเทศไหนไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งผมน้ำตาจะไหลทุกครั้ง พวกผมเป็นทหาร นึกอะไรไม่ออก หรือช่วงทุกข์ทรมาน ก็จะนึกถึงพระองค์ท่าน ก็จะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคไปได้"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ขอให้ประชาชนตัดสินใจเลือกสิ่งดีๆ ที่ผ่านมาตนเองก็ไปเลือกตั้งทุกครั้ง ก็ยังเลือกผิด จึงขอให้ฟังนโยบายการหาเสียงดีๆเช่นกัน ไม่ใช่ฟังนโยบายว่าจะได้ 15,000 บาท หรือ 20,000 บาท แล้วก็เลือก สุดท้ายวันนี้ก็ยังใช้หนี้อยู่ ทิ้งหนี้ให้เป็นภาระของตนเอง
อย่างไรก็ตามโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ยืนยันว่า รัฐบาลจะยกเลิก เพื่อไม่ให้เกิดการกล่าวหาว่าชุบมือเปิบ ใช้เงินที่รัฐบาลชุดที่แล้วกู้มา โดยการบริหารจัดการน้ำ ก็จะใช้งบประมาณประจำปีแทน
"เราไม่มีโอกาสที่จะฟื้นฟู หรือปฏิรูปเช่นนี้อีกแล้ว วันนี้จึงมีความเห็นที่แตกต่าง และขัดแย้งกันบ้างก็ไม่มีใครผิดหรือถูก เมื่อเราอยากได้ความสุข ความถูกต้อง ความเป็นธรรม ประเทศมีความก้าวหน้า ต้องอดทน เชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน ขอให้เราได้ดำเนินการก่อน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
** การบริหารต้องยึดหลักโปร่งใส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลองค์กรโปร่งใส ประจำปี 2557 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี โดยองค์กรที่ได้รับรางวัล ประกอบด้วย กรมอนามัย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ความโปร่งใสในการบริหารจัดการองค์กรของประเทศไทย” ว่า ผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริต ไม่สามารถทำงานเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่งได้ เพราะปัญหาการทุจริตเป็นกับดักประเทศ ต้องยึดกฎ ระเบียบ ค่านิยม เพราะเรื่องเหล่านี้มีส่วนได้ส่วนเสีย กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ต้องสร้างความเข้าใจ ปลูกฝังค่านิยม รู้คุณธรรม ต้องมีจริยธรรม ที่คนส่วนใหญ่เห็นว่าดี เราต้องยึดถือปฏิบัติ ไม่อยากให้กฎหมายเป็นเรื่องของการลงโทษอย่างเดียว แต่กฎหมายมีไว้คคุ้มครองทุกคน ต้องลดความเหลื่อมล้ำ ให้คนเข้าถึงกระบวนการต่อสู้อย่างยุติธรรม กฎหมายต้องทำให้คนอยู่ร่วมกันได้ ไม่ใช่สร้างความแตกแยก
นายกฯ กล่าวว่า เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ ต้องมีเสถียรภาพ และความโปร่งใจ เพื่อสร้างความไว้วางใจ ไม่อยากทำให้ประเทศเสียหายไปมากกว่านี้ การเข้ามา ไม่ได้อยากเข้ามาสร้างความเดือดร้อน หรือต้องการมีอำนาจ แต่ต้องมีอำนาจ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า เรื่องโครงสร้างพื้นฐานอยากทำ แต่ไม่มีเงิน ดังนั้น ต้องหารายได้เข้ารัฐมากขึ้น ทำจากประเทศที่มีรายได้ปานกลาง เป็นประเทศที่มีรายได้สูง ยังดีที่ประเทศ มีหนี้สาธารณะไม่เกิน 46 เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าเกินกว่านี้ ต้องเหนื่อยหน่อย เพราะเราเป็นประเภทใช้เงินได้ แต่หาเงินไม่ได้ จึงถอยหลังอยู่อย่างนี้ เป็น“เสือย่อตัว” ขาหลังอ่อนแรง
ต่อไปนี้ต้องวางยุทธศาสตร์ชาติ ที่ให้ประชาชนรู้ว่าจะเจออะไรในอนาคต เพื่อให้เกิดการรับรู้ รับทราบ เพื่อไม่ให้ประเทศชาติไม่สะดุด ไม่มีการคัดค้าน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ต้องเตรียมแผนเพื่อให้เกิดการปฏิบัติ ไม่อยากนั้นหาคนรับผิดชอบไม่ได้ ต้องรู้จักสิทธิมนุษยชน เคารพกติกา แต่ไม่ใช่คำนึงสิทธิเสรีภาพอย่างเดียว ต้องรู้จักหน้าที่ด้วย และต้องรังเกียจคนทุจริต ต้องอยู่กลางของความพอดี คนทุจริตต้องถูกลงโทษ คนทำบาปต้องละอาย ไม่ใช่มาเชิดหน้าชูตาในสังคม คนในสังคมต้องปฏิเสธคนทุจริต ต้องรู้จักแบ่งปัน ไม่ใช่กอบโกยเพียงอย่างเดียว ทำองค์กรด้านกฎหมายมีความเชื่อมั่น อย่าทำให้เส้นแบ่งความชอบธรรม ความโปร่งใส การตรวจสอบ ทับซ้อนกันจนทำงานไม่ได้ ต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมทุกภาคส่วน
นายกฯ กล่าวว่า ระบบราชการต้องแก้ไข เพราะโครงสร้างมีปัญหามาก ต้องปรับใหม่ทั้งหมด แต่การปฏิรูประบบราชการใน 1 ปีทำได้ยาก การลดคนทำง่าย แต่คนที่ตกงานจะเดือดร้อน ก็ต้องมาหางานให้เขาทำอีก การเปลี่ยนงานทำได้ แต่อย่าให้ย้ายที่ทำงานให้โตในจังหวัด อย่าไปแบ่งเป็น 2 ครอบครัว ต้องมีเมียเดียว ตนเป็นเบญจศีล ถ้าจะปฏิรูปต้องดูทั้งระบบ เวลาทำงานคิดแล้วสั่ง แต่เมื่อสั่งแล้วต้องดูคนที่ไปปฏิบัติด้วยว่าไม่เดือดร้อน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ต้องทำให้กฏหมายถ่วงดุล ต้องอยู่ตรงกลาง ไม่อย่างนั้นประเทศชาติเลวหมด อย่าทำให้เกิดเส้นแบ่ง การบริหาร การตรวจสอบ ทับซ้อนกันจนทำงานไม่ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ ตนเป็นห่วงเรื่องการปฏิรูป ผู้ที่มีส่วนต้องชี้เป็นชี้ตาย ผู้บริหาร เช่น ป.ป.ช. หรือ องค์กรอิสระต่างๆ อันตราย เพราะถูกกดดัน ต้องไปหามาตรการป้องกันตัวเอง เวลามีมาตรการป้องกันตัวเองแบบนี้ ยกมือก็ยกได้หมด ต้องดูแลท่าน เพราะรู้ว่าถูกกดดัน ทั้งเรื่องโทรศัพท์ อันตราย ลูก เมีย ก็เดือดร้อน เหมือนกันหมด ใครจะทำอะไรดีๆ ก็อันตราย เพราะคนไม่ดีมันใช้นอกกฎหมาย วันนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น ขอให้ทุกคนอดทนอีกนิด อย่าเพิ่งกังวล อย่าเพิ่งร้องเรียน ที่แก้มานี้ ก็แก้มากกว่าทุกรัฐบาลแล้ว แค่ 3 เดือน จะเอาเร็ว ทุกอย่างมันยาก ต้องค่อยๆ เดินไป ทำไป
นายกฯ กล่าวว่า ปีใหม่ปีนี้ ขอให้มีความสุข ของขวัญไม่ต้องห่วง มีเยอะ มีกว่า 700-800 รายการ ขายของลดราคา ถ้าลดได้อยากให้ลด 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนพ่อค้าแม่ค้าที่จะฉวยโอกาส ราคาแก๊สขึ้น 10 สตางค์ จะมาขึ้น 5 บาทไม่ได้ เจออย่างนี้จับหมด ส่วนเรื่องราคาข้าว ราคายาง ต้องไปดูว่าปัญหาจากไหน ไล่ดู ทั้งผู้ประกอบการ คนปลูก รัฐบาลที่สั่งให้ปลูก ปัญหาอยู่ตรงไหน ต้องไปไล่ให้เจอ
จากนั้น นายกฯ เยี่ยมชมนิทรรศการของ 4 องค์กร ที่ได้รับรางวัลองค์กรโปร่งใส คือ กรมอนามัย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยได้รับประทานกล้วยน้ำว้า ที่กรมอนามัยมอบให้ หลังมีนโยบายส่งเสริมคุณภาพของกรมอนามัย