สงสัยจะเหนื่อยจัด นายกฯ ยัวะสื่อ “โธ่เว้ย” บ่นกลับจากต่างประเทศมาเจอสื่อเรื่องขี้หมากาไก่ เปรยไม่อยากทะเลาะด้วย ตัดพ้อเรื่องดีๆ ไม่เขียน พ้อเขียนไม่เป็นธรรม วอนให้กำลังใจบ้าง ลั่นไม่ใช่พระอิฐพระปูน ถึงโมโหแต่มีสติ เผยคืนความสุขโชว์นั่ง อาทิตย์หน้ายืนเหมือนเดิมก็ได้ ฝากชาวเน็ตประชันรีทัชเปลี่ยนฉากใหม่ “ทุเรศทุกอัน” ด้านแฟนเพจบ่นน้อยใจ ถาม “จะต้องทำยังไงแบบไหนที่เธอจะรัก”
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสำนักข่าวเยอรมันรายงานเว็บไซต์กลุ่มสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรท์วอตช์ ประเทศไทยถูกบล็อก หลังเอชอาร์ดับเบิลยูออกรายงานวิจารณ์รัฐบาลไทยว่าเป็นเรื่องความมั่นคง ที่มีกฎหมายกฎกติกาอยู่ ได้มอบหน้าที่ให้ความมั่นคงไปดูแล้วว่าจะทำอย่างไร ให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไปปิดกั้นอย่างไรตรงไหน เวลาจะว่าอะไร ไปดูก่อนว่าเขาเขียนอย่างไร ถ้าคิดว่าทุกคนมีเสรีภาพกันหมด จะเขียนว่าใคร ด่าใครอย่างไรก็ทำหมด ก็ทำไป ไม่อย่างนั้นประเทศไทยก็ไม่ต้องอยู่กัน ถ้าไม่ให้ปิด จะให้แช่งเหรอ หนังสือพิมพ์บางฉบับ บางคอลัมน์ไปดู ตนไม่อยากไปทะเลาะด้วย ท่านบออกว่าปิดกั้น แต่ท่านไม่ดูที่ท่านเขียน ท่านยอมรับเดี๋ยวตนเอามากางให้ดูก็ได้ นั่งอยู่แถวนี้ก็มี หนังสือพิมพ์ของท่านทั้งนั้น เขียนให้เป็นเรื่องทำไม เรื่องที่เป็นเรื่องขี้หมากาไก่ เขียนส่งเดชไปเรื่อย
“ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ต้องมีเลยมั่งรัฐบาล ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐ ให้ทุกคนเป็นประชาชน อยากจะทำอะไรก็ได้ ที่เราทำเพราะอยากจะจัดระเบียบ มาควบคุมให้ ไม่เคยปิดกั้นเลย ถามว่าผมรู้ได้ไง ผมก็อ่านหนังสือจากของท่านนั้นเหละ จะรู้จากใครล่ะ อ่านอยู่ทุกฉบับ ถึงรู้ว่าใครอะไรยังไง ใครมีความคิดเห็นยังไง ที่ดีก็ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ไอ้ที่ไม่ดีไม่ใช้เชียร์ผมไม่ดี แต่ไม่เป็นธรรมกับผมเวลาเขียน จะให้มารักผมทุกคนมันไม่จำเป็น เอาแค่ให้ความเป็นธรรมกับผม ให้ผมทำงานให้ได้ ไปต่างประเทศก็เหนื่อยแสนเหนื่อย ทำงานไม่ได้หยุดไม่ได้พัก กลับมาต้องมาหย่าศึกอะไรกันอีก อย่าเขียนให้มันเป็นภาระ ให้เป็นปัญหา วันนี้รัฐธรรมนูญออกมาหรือยัง โธ่เว้ย! ยังไม่ได้ทำอะไรซักอัน พอเห็นเขาเถียงก็เถียงตามเขาไปด้วย มันยังไม่ได้ข้อยุติ ประชุมร่วมก็ยังไม่ได้ประชุม พอเขาร่างมาก็ต้องผ่านการตรวจสอบอีก แล้วก็จะไปหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้ โน้นไปคัดค้านเรื่องตั้งพรรคการเมืองใหม่โน้น อย่ามโนให้มันมากนักก็แล้วกัน ไม่มีใครเขาตั้งหรอก ใครเขาอยากจะเป็น ทำไมถึงไม่ย้อนไปดูว่าที่ผ่านมาประเทศมีเรื่องอะไร เพราะใคร ใครทำใครมีปัญหา ผมยังไม่พูดเลย ผมไปต่างประเทศก็ไม่พูด เพราะอายเขา ไม่รู้จักอายเขาหรือไงประเทศไทย ประจานตัวเองกันอยู่ทุกวันไม่อายหรือไง คิดว่าคนอื่นเขารับข่าวจากไหน ก็รับข่าวจากพวกเรา จากคนของเราเองนั้นเหละ จากคนไทยนี่เหละ จะคิดว่ามันจบแค่นี้ ตีกันแค่นี้ จะแพ้ชนะกันแค่นี้ คนทั้งโลกเขารับรู้และเวลาผมไปจะได้อะไรขึ้นมา พูดให้ตายก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เหนื่อยก็ไม่ได้ประโยชน์ ”
นายกฯ กล่าวตัดพ้อสื่อมวลชนว่า “เคยเขียนอย่างนี้ได้ไหม ดีๆ ไม่เขียน ที่ตนทำใหม่เป็นร้อยเรื่อง มันมีปัญหาทั้งหมด สื่อก็เขียนช่วยตน ถ้าเขียนตำหนิก็มาทางซ้าย แต่นี้ไม่มีเลย จะช่วยยังไงไม่มี ติอย่างเดียว ที่ไม่เสร็จมีปัญหา ไม่ช่วยผม แล้วจะหากินกันไปอย่างนี้หรืออย่างไร ผมไม่เข้าใจ ผมไม่โทษสื่อหรอก ผมต้องการแก้แล้ว ถ้าปล่อยอยู่อย่างนี้ ก็เป็นแบบนี้ ผมถามใครจะมาพูดแบบผมบ้าง คนจะเกลียดก็ยอม และท่านจะเป็นอย่างนี้ต่อไปหรือ ผมไม่ได้เป็นศัตรูท่าน ผมอ่านหนังสือท่านทุกวัน แต่อ่านก็อยากให้มีส่วนบันเทิงหน่อย ประเทืองปัญญา วันนี้กำลังทำเรื่องการเชื่อมโยง เรื่องรถไฟ เรื่องป้องกันทุจริต จะไม่ให้ทำสักอันเลยเหรอ แค่คิดก็ผิดแล้ว รัฐบาลไม่ต้องทำอะไรเลยไหม ตีกันอยู่แบบนี้ดีที่สุด ตนเป็นใครว๊ะ มาแก้ทุกอย่างในเวลา 6 เดือน ตนทำไปเยอะ และเยอะกว่า 6 ปีทีทำมาอีกใช่ไหม หรือไม่รู้อีก รู้แล้วจะมาอะไรละ”
เมื่อถามว่า แต่คนฝากความหวังไว้กับท่าน พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ตนก็รู้ แล้วคิดว่าตนไม่คิดตรงนั้นเหรอ เพราะตนคิดตรงนั้น รู้ว่าประชาชนฝากความหวัง สื่อก็ฝากความหวังไว้กับตน แต่ท่านก็ต้องให้ความหวังกับตนบ้าง ช่วยกันนะ ตรงนี้ยังไม่ดี แต่ไม่ใช่เมื่อไร ยังไม่เสร็จ ใช้ไม่ได้ แก้ไม่เคยได้ ถามว่าเลือกตั้งเมื่อไร จะไปเมื่อไร อันนี้จะเสร็จเมื่อไร เห็นตนเป็นอะไรวะ ปัดโธ่ ไม่ได้หงุดหงิด ไม่ได้โมโหรายวัน
เมื่อถามว่า ช่วงที่นายกฯเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ต่างประเทศ โลกสื่อออนไลน์มีการโพสต์โจมตี ตรงนี้ทำให้ภาพลักษณ์เสียหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ว่าไป อยากเขียนก็เขียนไป เดี๋ยวให้ฝ่ายกฎหมายไปดู ต่างประเทศไม่เห็นใครเกลียดตน ชื่นชมตนทุกคน เห็นตนแสดงทัศนะว่าจะเดินหน้าประเทศอย่างไร จะให้ความร่วมมืออย่างไร เขาไม่ได้สนใจพวกไอ้ขี้โกหกพวกนี้มากนักหรอกบอกให้ มีแต่สื่อนี้แหละ โกรธเคืองก็เขียน จดๆกันเขียนดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจเขียนนายกฯกลับบ้านอารมณ์เสีย เขียนเป็นอยู่แค่นี้ วันหน้าไม่ต้องมาถามตน เขียนให้ก็ได้ แล้วมารับไปพิมพ์ให้เหมือนกันหมด เมื่อถามว่า วันนี้ดูเหมือนนายกฯ อารมณ์เสีย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าไม่เสีย เหนื่อยหน่อย 2-3 วันไม่ได้พัก ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เจอไม่รู้กี่ประชุม แต่ก็ดีหมด ช่วยทุกคน ไม่ได้ไปสนุก ไมได้ไปเที่ยว ไปกินอาหารญวน ไปทำงาน กลับมาแทนที่จะบอกว่าคิดถึง สบายดีไหม เหนื่อยไหม มีอะไรบ้างที่ประเทศเดินไปได้ ไปคุยอะไรมาบ้าง แต่นี้กลับมาถามเลือกตั้งยัง อะไรวะ ทำงานกันอยู่ มีคนทำเยอะ มอบหมายงานไปแล้ว ตนมอบนโยบายก็นั่งตีเส้นว่าโรดแม็ปเมื่อไร อันนี้ อันนั้นก็จะเอา ไม่รู้จะทำยังไง จะเอาทุกอย่างเลยใช่ไหม บริหารประเทศก็เอา จะเอาทุกอย่างเลยใช่ไหม รำก็ไม่ดี ไม่สวย จะเอาอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่ารายการคืนความสุขให้คนในชาติ จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าไม่มี พอดีวันที่อัดเทปแค่เมื่อย ขี้เกียจยืนเลยนั่ง อาทิตย์หน้าจะให้ยื่นใหม่ก็ได้ วันนั้นประชุมเยอะเมื่อยเหนื่อย หมดแรง ก็เท่านั้นเอง ตนไม่ได้ให้ใครต้องมาชอบ แต่ต้องการให้รู้ว่าสิ่งที่พูด ถามว่าที่พูดไปมีคนเคยพูดหรือไม่ ทุกวันนี้ได้พูดได้บอกเลยพูดนาน บอกด้วยเหตุด้วยผลแต่ก็ยังไม่ฟังกันอีก แล้วจะเอาอะไร เมื่อถามว่า นายกฯ เห็นเพจเฟซบุ๊กเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อ “เปลี่ยนฉากหลังให้ทั่นผู้นำ”หรือยัง นายกฯ กล่าวว่า เห็นแล้ว ทุเรศทุกฉาก
เมื่อถามว่า ยังเข้ามาทำงานไม่ถึงปีเลยบ่นเหนื่อยแล้วหรือ นายกฯกล่าวว่า ไม่ได้บ่น แต่ถ้าเหนื่อย แล้วเห็นว่าทำไหมล่ะ โมโหแล้วทำไหม ก็ทำ ทุกอย่างก็ทำ ทำมากกว่าเดิมด้วย พอคนคาดหวังมันก็กดดันตัวเรา ตัวเรากับตัวคนอื่น ตนไม่ใช่พระอิฐพระปูน แต่ตนจะไม่ทำอะไรเพราะความโมโหจำไว้ ทหารก็เป็นแบบนี้ โมโหก็จริงแต่ก็มีสติกว่าเดิม แต่ถ้าไม่โมโหนั้นหละสติจะไม่ดี เพราะฉะนั้นเวลาโมโหต้องควบคุมตัวเองให้ได้ แต่กิริยาอาการก็ออกได้ อยู่กับทหารมาก็เป็นแบบนี้ แต่ต้องรอบคอบเวลาโมโห จะอะไรใครซักคนต้องระมัดระวังมือไม้หน่อย ไม่ได้โกรธหรอก ทุกคนก็ทำงานกันนะ เอาละใจเย็นๆ
อนึ่ง ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการออนไลน์ ตรวจสอบเฟซบุ๊กเพจ "เปลี่ยนฉากหลังให้ทั่นผู้นำ" พบว่าหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความรู้สึกที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กส่งตัวอย่างฉากที่ทำการรีทัชว่าทุเรศทุกอัน พบว่าผู้ดูแลแฟนเพจได้กล่าวว่า "จะต้องทำยังไงแบบไหนที่เธอจะรัก" พร้อมกับแสดงความน้อยใจ ทั้งนี้ ประโยคดังกล่าวมาจากเพลงที่มีชื่อว่า "แบบไหนที่เธอรัก" ของศิลปินวงซีล ซึ่งเป็นเพลงประกอบละครเรื่อง เงารักลวงใจ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นและคนทำงานมาระยะหนึ่ง
