xs
xsm
sm
md
lg

ต้องกล้าลุยเปลี่ยนประเทศ อย่าซ้ำรอยการเมืองน้ำเน่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
รายงานการเมือง

ถอดหรือไม่ถอนหรือเปล่า พูดกันวนเวียนประเด็นนี้มากเหลือเกินในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกโฟกัสอยู่ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กรณีจะรับเรื่องถอดถอน สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภา กับ นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ฐานความผิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เอาไว้หรือไม่

ล่าสุดก็มีมติรับเรื่องไว้แบบก้ำกึ่งฉิวเฉียด ท่ามกลางความมึนงงกันอยู่ตอนนี้ว่ายังไม่รู้จะเอาอย่างไรต่อ หลังจากยกที่ 1 ผ่านไปด้วยการรับเรื่องเผือกร้อนนี้เอาไว้

กรณีนี้ถูกจุดไฟโหมความรุนแรง จับจ้องตาไม่กระพริบหลังจากกปปส.โดย ถาวร เสนเนียม แกนนำ ออกมาข่มขู่ สนช.หากไม่รับเรื่องอาจเจอ “กฎหมู่” เคลื่อนไหวชุมนุมกดดัน ฝ่ายนปช.เองก็ยอมซะที่ไหน วรชัย เหมะ บอกชัด “มึงทำได้ กูก็ทำได้” ไม่รอให้ถูกดเชือดคอตายฝ่ายเดียว ขอดิ้นรนสู้เหมือนกัน

มันก็เลยกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมา จน คสช.และรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ต้องเปรยดังๆ ในทื่ประชุม ครม.ว่าจะใช้กฎหมายกำราบกลุ่มการเมืองเหล่านี้จากเบาไปหาหนัก และถ้าจำเป็นอาจงัดมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาละเลงให้หายบ้าไปทั้งสองฝ่าย

แล้วก็ออกมาให้สัมภาษณ์สำทับแกมข่มขู่อีกทีสองที ทุกอย่างเลยซาลง แล้ว สนช.ก็รับเรื่องไว้ได้ในที่สุด เสียงขู่ของกลุ่มการเมืองไม่ดังเท่าเสียงคำรามของหัวหน้าคสช.!

แต่ชั่วโมงนี้ดีกรีการเมืองเริ่มร้อนระอุขึ้นมาแล้ว ฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยหนาวๆ ร้อนๆ เพราะคดี “นิคม-สมศักดิ์” เป็นหนังตัวอย่างปูทางอดีต ส.ส.และอดีต ส.ว.300 กว่าคน อาจถูกจับขึ้นเขียงในข้อหาเดียวกันนี้ กระนั้นก็ตามเบื้องต้นยังมองแง่ดีว่าท้ายที่สุดเมื่อถึงเวลาพิจารณากันจริงจัง สนช.ที่มีบางส่วนแบะท่าชัดไม่กล้าเชือด โดยเฉพาะสนช.สายทหารที่ออกมาให้สัมภาษณ์กันโหวกเหวก ว่ารัฐธรรมนูญ 50 หมดไปแล้ว ไม่มีข้อกฎหมายยืนยันอำนาจถอดถอน จะโหวตลงมติไม่ถอดถอนแน่ แล้ว “นิคม-สมศักดิ์” ก็จะรอดในที่สุด ก็หวังว่ามันจะเป็นบรรทัดฐานให้กับอดีต ส.ส.และอดีต ส.ว.ที่กำลังใจตุ๊มๆ ต่อมๆ รอถูกเชือดอยู่เหมือนกัน!!

ตอนนี้ก็ได้แต่ออกมาไซโคข้อกฎหมายว่าทำไม่ได้อย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อหาทางรอด แต่ใจยังหวิว

แต่ก่อนอื่นใดเลยคดีของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯจอมตีกรรเชียง เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.วันที่ 12 พ.ย.นี้แล้ว ท่ามกลางการตั้งข้อสงสัยทำไมรีบด่วน รีบร้อน โครงการรับจำนำข้าวยังไต่สวนไม่สิ้นกระแสความ อัยการสูงสุดกับ ป.ป.ช.ยังตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณาไม่จบ

ท่าทีของ ป.ป.ช.ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ใครไม่ฟ้องเราฟ้องแน่ ดังนั้นสัญญาณจึงถูกส่งไปยัง สนช.แล้วว่างานนี้เอาแน่ คุณเดินไปได้เลย วันที่ 12 พ.ย.นี้ ผลที่ออกมาอาจไม่ต่างจากการรับกรณีถอดถอน “นิคม-สมศักดิ์” เสียงโอดครวญจากทีมทนายอดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทยดังระงมแน่ๆ

แต่กระนั้นเลยขั้นตอนของการถอดถอนมันก็ยังยากอยู่เหมือนกันดังที่ว่าไว้ เพราะต้องใช้เสียง 3 ใน 5 สนช.บางส่วนก็ไม่อยากเอาเรื่องร้อนๆ นี้มาใส่ตัวเหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาในสภาด้วย หากเหตุผลฟังไม่ขึ้นอาจนำมาสู่การถอดถอนได้ในท้ายที่สุด และยิ่งถ้าหากมีสัญญาณที่ “ปฏิเสธ” ไม่ได้ ก็อาจถึงคราวคุกรุ่นกันอีกรอบ

แต่ทว่า คสช.ได้ออกมาปราม ข่มขู่กรุยทาง เอารถถังบดเสี้ยนหนามไว้ให้เปลาะหนึ่งแล้ว จะทำอะไรก็ทำไปเดี๋ยวเป็นแบ็กให้

ในห้วงความคิดหนึ่งมันก็ดีเหมือนกันจะได้ล้างบางอะไรมี่มันเก่าๆ วงจรเดิมๆ ให้มันหมดไปเสียบ้าง เพราะแว่วว่าต่อไปจะมีการเขียนกติกาไม่ให้นักการเมืองที่เคยต้องโทษเข้ามาเล่นการเมืองได้อีก ไม่ว่าจะเป็นคดีทุจริต ประพฤติมิชอบ เคยถูกตัดสินว่าผิดแล้วก็ไม่สามารถหวนคืนสู่สนามการเมืองได้อีก

หากเป็นดังนั้นอาจเห็นการพลิกโฉมบนหน้ากระดานการเมืองแบบ 180 องศา อะไรใหม่ๆ คงเข้ามาสู่การเมืองไทยและน่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ถ้าหากยังมัวกลัวยังนั่นกลัวนี่ เกรงใจคนนั้นคนนี้บ้านเมืองก็ไม่เดินหน้าไปไหน ยังติดหล่มระบบซูเอี๋ยอุปถัมภ์ ที่ทำมาอาจเสียของอย่างที่ติฉินนินทากัน สุดท้ายแล้วก็สลัดไม่พ้นวงจรอุบาทว์เดิมๆ เพียงแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงมือทำไปต้องอธิบายสังคมได้ ชี้แจงให้ผู้คนคล้อยตามว่าไม่ใช่การกลั่นแกล้ง อาฆาตมาดร้าย หรือตั้งธงกันมาแบบกระเหี้ยนกระหือรือเกินเหตุ สาเหตุของการกระทำและผลที่นำไปสู่ความเสียหายต้องแจ่มชัด ไร้ข้อกังขา

เมื่อถึงเวลานั้นจะมีคลื่นใต้น้ำ หรือบนน้ำ ก็ง่ายแก่การขจัดภัยพาล เพราะสังคมส่วนใหญ่จะไม่คล้อยตามกฎหมู่เหล่านั้น ถึงได้บอกว่ากระบวนการตรงนี้สำคัญมาก

การบริหารจัดการเมืองถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อชำระล้างความแตกแยก ทำให้ทุกฝ่ายยอมรับในกติกาที่จะทำใหม่ แต่เหนืออื่นใดการบริหารบ้านเมืองนับจากนี้ของรัฐบาลและคสช.ต้องดี และสร้างความเชื่อมั่น นำพาประชาชนไปสู่ความหวังใหม่ หากทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างจะคล้อยตามผู้นำ

การใช้อำนาจข่มขู่จัดการอย่างเดียว ไม่ใช่ความสำเร็จที่ยั่งยืนถาวร คนก็ยอมเพียงชั่วครู่ชั่วคราว กลัวกระบอง กลัวกระบอกปืน เมื่อใดที่สิ้นมนต์ขลัง หรืออดรนทนไม่ไหวเขาก็จะออกมาละเลง บ้านเมืองจะยิ่งวุ่นวายในท้ายที่สุด

ฉะนั้นการทำให้ทุกอย่างสงบราบคาบได้ต้องมีทั้งพระเดชพระคุณ และมีความเป็นผู้นำที่ดีเก่งกาจจนทุกฝ่ายยอมรับ ถือเป็นเรื่องท้าทายความสามารถพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.อย่างยิ่ง

วันนี้ประชาชนทั้งประเทศก็ว่าได้ยอมรับแล้ว และให้โอกาสแล้ว อยู่ที่ตัวท่านผู้นำเท่านั้นจะทำให้ผลมันออกมาเป็นอย่างไร

กระนั้นเองอย่าให้เกิดสนิมเนื้อใน เพราะอำนาจเป็นสิ่งหอมหวาน เพราะไม่ทันไรก็มีข่าวไม่ค่อยสู้ดี ในบรรดาผู้นำขัดแย้งชิงเหลี่ยม จ้องแทงหลังเพื่อขึ้นมาเป็นนายกฯบริหารอำนาจกันเสียเอง

หรือแม้กระทั่งตั้งพรรคการเมืองที่นำโดยฝ่ายทหาร เพื่อสืบทอดหลังจากล้างบางอำนาจฝ่ายการเมืองฝั่งตรงข้าม ที่ครองอำนาจมาอย่างยาวนานพ้นทางไปแล้ว

เรื่องแบบนี้แค่มีข่าวคนก็ส่ายหน้าเอือมระอารับไม่ไหว ป้องปากนินทาว่ามันกอีหรอบเดียวกับการเมืองเดิมๆ ที่ด่าเขาทุกวัน ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองแบบนี้ คนไม่เชื่อถือเชื่อมั่นหรอกว่าจะมาทำอะไรให้ชาติดีขึ้น

นอกจากมาแล้วก็ไป ตักตวงผลประโยชน์ติดไม้ติดมือ ประเทศชาติจะเจริญแค่ไหนไม่ใช่ธุระอย่างที่ปากว่า พ่นวลีสวยหรูทุกวันแต่โกหกทั้งเพ!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น