**ถอดหรือไม่ถอนหรือเปล่า พูดกันวนเวียนประเด็นนี้มากเหลือเกินในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกโฟกัสอยู่ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กรณีจะรับเรื่องถอดถอน สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภา กับ นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิ ฐานความผิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เอาไว้หรือไม่
ล่าสุดก็มีมติรับเรื่องไว้แบบก้ำกึ่งฉิวเฉียด ท่ามกลางความมึนงงกันอยู่ตอนนี้ว่ายังไม่รู้จะเอาอย่างไรต่อ หลังจากยกที่ 1 ผ่านไปด้วยการรับเรื่องเผือกร้อนนี้เอาไว้
กรณีนี้ถูกจุดไฟโหมความรุนแรง จับจ้องตาไม่กระพริบหลังจาก กปปส. โดย ถาวร เสนเนียม แกนนำ ออกมาข่มขู่สนช. หากไม่รับเรื่องอาจเจอ "กฎหมู่" เคลื่อนไหวชุมนุมกดดัน ฝ่าย นปช.เองก็ยอมซะที่ไหน วรชัย เหมะ บอกชัด "มึงทำได้ กูก็ทำได้" ไม่รอให้ถูกเชือดคอตายฝ่ายเดียว ขอดิ้นรนสู้เหมือนกัน
มันก็เลยกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมา จนคสช.และรัฐบาล โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ต้องเปรยดังๆ ในทื่ประชุมครม.ว่า จะใช้กฎหมายกำราบกลุ่มการเมืองเหล่านี้จากเบาไปหาหนัก และถ้าจำเป็น อาจงัด มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาละเลงให้หายบ้าไปทั้ง 2 ฝ่าย
** แล้วก็ออกมาให้สัมภาษณ์สำทับแกมข่มขู่อีกที สองที ทุกอย่างเลยซาลง แล้ว สนช.ก็รับเรื่องไว้ได้ในที่สุด เสียงขู่ของกลุ่มการเมืองไม่ดังเท่าเสียงคำรามของหัวหน้าคสช. !!!
แต่ชั่วโมงนี้ดีกรีการเมืองเริ่มร้อนระอุขึ้นมาแล้ว ฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย หนาวๆ ร้อนๆ เพราะคดี "นิคม-สมศักดิ์" เป็นหนังตัวอย่างปูทาง อดีต ส.ส.และอดีตส.ว. 300 กว่าคน อาจถูกจับขึ้นเขียงในข้อหาเดียวกันนี้ กระนั้นก็ตาม เบื้องต้นยังมองแง่ดีว่าท้ายที่สุดเมื่อถึงเวลาพิจารณากันจริงจัง สนช.ที่มีบางส่วนแบะท่าชัด ไม่กล้าเชือด โดยเฉพาะ สนช.สายทหาร ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กันโหวกเหวกว่า รัฐธรรมนูญ 50 หมดไปแล้ว ไม่มีข้อกฎหมายยืนยันอำนาจถอดถอน จะโหวตลงมติไม่ถอดถอนแน่ แล้ว "นิคม-สมศักดิ์" ก็จะรอดในที่สุด ก็หวังว่ามันจะเป็นบรรทัดฐานให้กับอดีตส.ส.และ อดีตส.ว.ที่กำลังใจตุ๊มๆต่อมๆ รอถูกเชือดอยู่เหมือนกัน!!
**ตอนนี้ก็ได้แต่ออกมาไซโค ข้อกฎหมายว่าทำไม่ได้อย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อหาทางรอด แต่ใจยังหวิว
แต่ก่อนอื่นใดเลย คดีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จอมตีกรรเชียง เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.วันที่ 12 พ.ย.นี้แล้ว ท่ามกลางการตั้งข้อสงสัยทำไมรีบด่วน รีบร้อน โครงการรับจำนำข้าวยังไต่สวนไม่สิ้นกระแสความ อัยการสูงสุดกับป.ป.ช. ยังตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณาไม่จบ
ท่าทีของป.ป.ช.ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ใครไม่ฟ้อง เราฟ้องแน่ ดังนั้นสัญญาณจึงถูกส่งไปยัง สนช.แล้วว่า งานนี้เอาแน่ คุณเดินไปได้เลย วันที่ 12 พ.ย.นี้ ผลที่ออกมาอาจไม่ต่างจากการรับกรณีถอดถอน "นิคม-สมศักดิ์" เสียงโอดครวญจากทีมทนายอดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย ดังระงมแน่ๆ
แต่กระนั้นเลย ขั้นตอนของการถอดถอนมันก็ยังยากอยู่เหมือนกันดังที่ว่าไว้ เพราะต้องใช้เสียง 3 ใน 5 สนช. บางส่วนก็ไม่อยากเอาเรื่องร้อนๆ นี้มาใส่ตัวเหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาในสภาด้วย หากเหตุผลฟังไม่ขึ้น อาจนำมาสู่การถอดถอนได้ในท้ายที่สุด และยิ่งถ้าหากมีสัญญาณที่ "ปฏิเสธ" ไม่ได้ ก็อาจถึงคราวคุกรุ่นกันอีกรอบ
แต่ทว่า คสช.ได้ออกมาปราม ข่มขู่กรุยทาง เอารถถังบดเสี้ยนหนามไว้ให้เปลาะหนึ่งแล้ว จะทำอะไรก็ทำไปเดี๋ยวเป็นแบ๊กให้
ในห้วงความคิดหนึ่งมันก็ดีเหมือนกัน จะได้ล้างบางอะไรมี่มันเก่าๆ วงจรเดิมๆ ให้มันหมดไปเสียบ้าง เพราะแว่วว่าต่อไปจะมีการเขียนกติกาไม่ให้นักการเมืองที่เคยต้องโทษเข้ามาเล่นการเมืองได้อีก ไม่ว่าจะเป็นคดีทุจริต ประพฤติมิชอบ เคยถูกตัดสินว่าผิดแล้ว ก็ไม่สามารถหวนคืนสู่สนามการเมืองได้อีก
** หากเป็นดังนั้น อาจเห็นการพลิกโฉมบนหน้ากระดานการเมืองแบบ 180 องศา อะไรใหม่ๆ คงเข้ามาสู่การเมืองไทย และน่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ถ้าหากยังมัวกลัวยังนั่นกลัวนี่ เกรงใจคนนั้นคนนี้ บ้านเมืองก็ไม่เดินหน้าไปไหน ยังติดหล่มระบบซูเอี๋ยอุปถัมภ์ ที่ทำมาอาจเสียของอย่างที่ติฉินนินทากัน สุดท้ายแล้วก็สลัดไม่พ้นวงจรอุบาทว์เดิมๆ เพียงแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงมือทำไปต้องอธิบายสังคมได้ ชี้แจงให้ผู้คนคล้อยตามว่าไม่ใช่การกลั่นแกล้ง อาฆาตมาดร้าย หรือตั้งธงกันมาแบบกระเหี้ยนกระหือรือเกินเหตุ สาเหตุของการกระทำและผลที่นำไปสู่ความเสียหายต้องแจ่มชัด ไร้ข้อกังขา
เมื่อถึงเวลานั้นจะมีคลื่นใต้น้ำ หรือบนน้ำ ก็ง่ายแก่การขจัดภัยพาล เพราะสังคมส่วนใหญ่จะไม่คล้อยตามกฎหมู่เหล่านั้น ถึงได้บอกว่ากระบวนการตรงนี้สำคัญมาก
การบริหารจัดการเมืองถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อชำระล้างความแตกแยก ทำให้ทุกฝ่ายยอมรับในกติกาที่จะทำใหม่ แต่เหนืออื่นใดการบริหารบ้านเมืองนับจากนี้ของรัฐบาลและคสช.ต้องดี และสร้างความเชื่อมั่น นำพาประชาชนไปสู่ความหวังใหม่ หากทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างจะคล้อยตามผู้นำ
การใช้อำนาจข่มขู่จัดการอย่างเดียว ไม่ใช่ความสำเร็จที่ยั่งยืนถาวร คนก็ยอมเพียงชั่วครู่ชั่วคราว กลัวกระบอง กลัวกระบอกปืน เมื่อใดที่สิ้นมนต์ขลัง หรืออดรนทนไม่ไหวเขาก็จะออกมาละเลง บ้านเมืองจะยิ่งวุ่นวายในท้ายที่สุด
ฉะนั้นการทำให้ทุกอย่างสงบราบคาบได้ ต้องมีทั้งพระเดช พระคุณ และมีความเป็นผู้นำที่ดีเก่งกาจจนทุกฝ่ายยอมรับ ถือเป็นเรื่องท้าทายความสามารถพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. อย่างยิ่ง
**วันนี้ประชาชนทั้งประเทศก็ว่าได้ยอมรับแล้ว และให้โอกาสแล้ว อยู่ที่ตัวท่านผู้นำเท่านั้นจะทำให้ผลมันออกมาเป็นอย่างไร
กระนั้นเองอย่าให้เกิดสนิมเนื้อใน เพราะอำนาจเป็นสิ่งหอมหวาน เพราะไม่ทันไรก็มีข่าวไม่ค่อยสู้ดี ในบรรดาผู้นำขัดแย้งชิงเหลี่ยม จ้องแทงหลังเพื่อขึ้นมาเป็นนายกฯบริหารอำนาจกันเสียเอง
หรือแม้กระทั่งตั้งพรรคการเมืองที่นำโดยฝ่ายทหาร เพื่อสืบทอดหลังจากล้างบางอำนาจฝ่ายการเมืองฝั่งตรงข้าม ที่ครองอำนาจมาอย่างยาวนานพ้นทางไปแล้ว
เรื่องแบบนี้แค่มีข่าวคนก็ส่ายหน้าเอือมระอารับไม่ไหว ป้องปากนินทาว่า มันกอีหรอบเดียวกับการเมืองเดิมๆ ที่ด่าเขาทุกวัน ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง แบบนี้ คนไม่เชื่อถือเชื่อมั่นหรอกว่าจะมาทำอะไรให้ชาติดีขึ้น
**นอกจากมาแล้วก็ไป ตักตวงผลประโยชน์ติดไม้ติดมือ ประเทศชาติจะเจริญแค่ไหนไม่ใช่ธุระอย่างที่ปากว่า พ่นวลีสวยหรูทุกวันแต่โกหกทั้งเพ!!!
ล่าสุดก็มีมติรับเรื่องไว้แบบก้ำกึ่งฉิวเฉียด ท่ามกลางความมึนงงกันอยู่ตอนนี้ว่ายังไม่รู้จะเอาอย่างไรต่อ หลังจากยกที่ 1 ผ่านไปด้วยการรับเรื่องเผือกร้อนนี้เอาไว้
กรณีนี้ถูกจุดไฟโหมความรุนแรง จับจ้องตาไม่กระพริบหลังจาก กปปส. โดย ถาวร เสนเนียม แกนนำ ออกมาข่มขู่สนช. หากไม่รับเรื่องอาจเจอ "กฎหมู่" เคลื่อนไหวชุมนุมกดดัน ฝ่าย นปช.เองก็ยอมซะที่ไหน วรชัย เหมะ บอกชัด "มึงทำได้ กูก็ทำได้" ไม่รอให้ถูกเชือดคอตายฝ่ายเดียว ขอดิ้นรนสู้เหมือนกัน
มันก็เลยกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมา จนคสช.และรัฐบาล โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ต้องเปรยดังๆ ในทื่ประชุมครม.ว่า จะใช้กฎหมายกำราบกลุ่มการเมืองเหล่านี้จากเบาไปหาหนัก และถ้าจำเป็น อาจงัด มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาละเลงให้หายบ้าไปทั้ง 2 ฝ่าย
** แล้วก็ออกมาให้สัมภาษณ์สำทับแกมข่มขู่อีกที สองที ทุกอย่างเลยซาลง แล้ว สนช.ก็รับเรื่องไว้ได้ในที่สุด เสียงขู่ของกลุ่มการเมืองไม่ดังเท่าเสียงคำรามของหัวหน้าคสช. !!!
แต่ชั่วโมงนี้ดีกรีการเมืองเริ่มร้อนระอุขึ้นมาแล้ว ฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย หนาวๆ ร้อนๆ เพราะคดี "นิคม-สมศักดิ์" เป็นหนังตัวอย่างปูทาง อดีต ส.ส.และอดีตส.ว. 300 กว่าคน อาจถูกจับขึ้นเขียงในข้อหาเดียวกันนี้ กระนั้นก็ตาม เบื้องต้นยังมองแง่ดีว่าท้ายที่สุดเมื่อถึงเวลาพิจารณากันจริงจัง สนช.ที่มีบางส่วนแบะท่าชัด ไม่กล้าเชือด โดยเฉพาะ สนช.สายทหาร ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กันโหวกเหวกว่า รัฐธรรมนูญ 50 หมดไปแล้ว ไม่มีข้อกฎหมายยืนยันอำนาจถอดถอน จะโหวตลงมติไม่ถอดถอนแน่ แล้ว "นิคม-สมศักดิ์" ก็จะรอดในที่สุด ก็หวังว่ามันจะเป็นบรรทัดฐานให้กับอดีตส.ส.และ อดีตส.ว.ที่กำลังใจตุ๊มๆต่อมๆ รอถูกเชือดอยู่เหมือนกัน!!
**ตอนนี้ก็ได้แต่ออกมาไซโค ข้อกฎหมายว่าทำไม่ได้อย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อหาทางรอด แต่ใจยังหวิว
แต่ก่อนอื่นใดเลย คดีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จอมตีกรรเชียง เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.วันที่ 12 พ.ย.นี้แล้ว ท่ามกลางการตั้งข้อสงสัยทำไมรีบด่วน รีบร้อน โครงการรับจำนำข้าวยังไต่สวนไม่สิ้นกระแสความ อัยการสูงสุดกับป.ป.ช. ยังตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณาไม่จบ
ท่าทีของป.ป.ช.ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ใครไม่ฟ้อง เราฟ้องแน่ ดังนั้นสัญญาณจึงถูกส่งไปยัง สนช.แล้วว่า งานนี้เอาแน่ คุณเดินไปได้เลย วันที่ 12 พ.ย.นี้ ผลที่ออกมาอาจไม่ต่างจากการรับกรณีถอดถอน "นิคม-สมศักดิ์" เสียงโอดครวญจากทีมทนายอดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย ดังระงมแน่ๆ
แต่กระนั้นเลย ขั้นตอนของการถอดถอนมันก็ยังยากอยู่เหมือนกันดังที่ว่าไว้ เพราะต้องใช้เสียง 3 ใน 5 สนช. บางส่วนก็ไม่อยากเอาเรื่องร้อนๆ นี้มาใส่ตัวเหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาในสภาด้วย หากเหตุผลฟังไม่ขึ้น อาจนำมาสู่การถอดถอนได้ในท้ายที่สุด และยิ่งถ้าหากมีสัญญาณที่ "ปฏิเสธ" ไม่ได้ ก็อาจถึงคราวคุกรุ่นกันอีกรอบ
แต่ทว่า คสช.ได้ออกมาปราม ข่มขู่กรุยทาง เอารถถังบดเสี้ยนหนามไว้ให้เปลาะหนึ่งแล้ว จะทำอะไรก็ทำไปเดี๋ยวเป็นแบ๊กให้
ในห้วงความคิดหนึ่งมันก็ดีเหมือนกัน จะได้ล้างบางอะไรมี่มันเก่าๆ วงจรเดิมๆ ให้มันหมดไปเสียบ้าง เพราะแว่วว่าต่อไปจะมีการเขียนกติกาไม่ให้นักการเมืองที่เคยต้องโทษเข้ามาเล่นการเมืองได้อีก ไม่ว่าจะเป็นคดีทุจริต ประพฤติมิชอบ เคยถูกตัดสินว่าผิดแล้ว ก็ไม่สามารถหวนคืนสู่สนามการเมืองได้อีก
** หากเป็นดังนั้น อาจเห็นการพลิกโฉมบนหน้ากระดานการเมืองแบบ 180 องศา อะไรใหม่ๆ คงเข้ามาสู่การเมืองไทย และน่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ถ้าหากยังมัวกลัวยังนั่นกลัวนี่ เกรงใจคนนั้นคนนี้ บ้านเมืองก็ไม่เดินหน้าไปไหน ยังติดหล่มระบบซูเอี๋ยอุปถัมภ์ ที่ทำมาอาจเสียของอย่างที่ติฉินนินทากัน สุดท้ายแล้วก็สลัดไม่พ้นวงจรอุบาทว์เดิมๆ เพียงแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงมือทำไปต้องอธิบายสังคมได้ ชี้แจงให้ผู้คนคล้อยตามว่าไม่ใช่การกลั่นแกล้ง อาฆาตมาดร้าย หรือตั้งธงกันมาแบบกระเหี้ยนกระหือรือเกินเหตุ สาเหตุของการกระทำและผลที่นำไปสู่ความเสียหายต้องแจ่มชัด ไร้ข้อกังขา
เมื่อถึงเวลานั้นจะมีคลื่นใต้น้ำ หรือบนน้ำ ก็ง่ายแก่การขจัดภัยพาล เพราะสังคมส่วนใหญ่จะไม่คล้อยตามกฎหมู่เหล่านั้น ถึงได้บอกว่ากระบวนการตรงนี้สำคัญมาก
การบริหารจัดการเมืองถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อชำระล้างความแตกแยก ทำให้ทุกฝ่ายยอมรับในกติกาที่จะทำใหม่ แต่เหนืออื่นใดการบริหารบ้านเมืองนับจากนี้ของรัฐบาลและคสช.ต้องดี และสร้างความเชื่อมั่น นำพาประชาชนไปสู่ความหวังใหม่ หากทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างจะคล้อยตามผู้นำ
การใช้อำนาจข่มขู่จัดการอย่างเดียว ไม่ใช่ความสำเร็จที่ยั่งยืนถาวร คนก็ยอมเพียงชั่วครู่ชั่วคราว กลัวกระบอง กลัวกระบอกปืน เมื่อใดที่สิ้นมนต์ขลัง หรืออดรนทนไม่ไหวเขาก็จะออกมาละเลง บ้านเมืองจะยิ่งวุ่นวายในท้ายที่สุด
ฉะนั้นการทำให้ทุกอย่างสงบราบคาบได้ ต้องมีทั้งพระเดช พระคุณ และมีความเป็นผู้นำที่ดีเก่งกาจจนทุกฝ่ายยอมรับ ถือเป็นเรื่องท้าทายความสามารถพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. อย่างยิ่ง
**วันนี้ประชาชนทั้งประเทศก็ว่าได้ยอมรับแล้ว และให้โอกาสแล้ว อยู่ที่ตัวท่านผู้นำเท่านั้นจะทำให้ผลมันออกมาเป็นอย่างไร
กระนั้นเองอย่าให้เกิดสนิมเนื้อใน เพราะอำนาจเป็นสิ่งหอมหวาน เพราะไม่ทันไรก็มีข่าวไม่ค่อยสู้ดี ในบรรดาผู้นำขัดแย้งชิงเหลี่ยม จ้องแทงหลังเพื่อขึ้นมาเป็นนายกฯบริหารอำนาจกันเสียเอง
หรือแม้กระทั่งตั้งพรรคการเมืองที่นำโดยฝ่ายทหาร เพื่อสืบทอดหลังจากล้างบางอำนาจฝ่ายการเมืองฝั่งตรงข้าม ที่ครองอำนาจมาอย่างยาวนานพ้นทางไปแล้ว
เรื่องแบบนี้แค่มีข่าวคนก็ส่ายหน้าเอือมระอารับไม่ไหว ป้องปากนินทาว่า มันกอีหรอบเดียวกับการเมืองเดิมๆ ที่ด่าเขาทุกวัน ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง แบบนี้ คนไม่เชื่อถือเชื่อมั่นหรอกว่าจะมาทำอะไรให้ชาติดีขึ้น
**นอกจากมาแล้วก็ไป ตักตวงผลประโยชน์ติดไม้ติดมือ ประเทศชาติจะเจริญแค่ไหนไม่ใช่ธุระอย่างที่ปากว่า พ่นวลีสวยหรูทุกวันแต่โกหกทั้งเพ!!!