รองนายกฯ ประชุมกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เผยติดตามงานเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ ชงสำนักงบประมาณพิจารณาให้งบประมาณกับ อปท. ร้อยละ 20 พร้อมให้งบประมาณฉุกเฉินสำหรับพัฒนาพื้นที่จังหวัดละไม่เกิน 10 ล้าน ไฟเขียว ส.พระปกเกล้าจัดเวทีนักศึกษา แจงกรณี ป.ป.ช. เสนอกฎหมายเพิ่มอำนาจ ยังมีด่าน สนช. คัดกรอง
วันนี้ (24 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย เป็นประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) ครั้งที่ 3/2557 โดยที่ประชุมจัดทำข้อเสนอแนวทางการพัฒนาการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อเสนอต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยมีสาระสำคัญ คือ การปรับปรุงโครงสร้างของ อปท. ให้มีความเข้มแข็งยึดหลักความโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมทั้งการส่งเสริมให้มีกลไกการตรวจสอบของภาคประชาชนซึ่งได้รับการรับรองตามกฎหมาย โดยให้มีการส่งเสริมความเป็นอิสระในการทำงานและการจัดบริการสาธารณะของ อปท. โดยเน้นให้มีการตรวจสอบภายหลังการปฏิบัติงานและเพิ่มอำนาจทางภาษีอากรให้แก่ อปท. รวมทั้งการส่งเสริมการทำงานร่วมกันโดยอิสระระหว่างกันและระหว่าง อปท. กับภาคส่วนต่างๆ และส่งเสริมให้มีการกำหนดภารกิจและอำนาจหน้าที่ของ อปท. โดยคำนึงถึงบริบทของพื้นที่และศักยภาพในการปฏิบัติงานของ อปท. แต่ละแห่ง
รวมถึงการเสริมสร้างศักยภาพในการจัดบริการสาธารณะของ อปท. ให้เป็นภาคีหุ้นส่วนกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหาของประชาชน และการส่งเสริมให้ อปท. มีการพัฒนานวัตกรรมหรือตัวแบบการจัดบริการสาธารณะที่หลากหลาย รวมทั้งส่งเสริมให้มีการจัดตั้ง อปท. ขนาดใหญ่หรือ อปท. รูปแบบพิเศษเพื่อให้มีอำนาจหน้าที่ในการจัดบริการสาธารณะได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมความเข้มแข็งในการขับเคลื่อนนโยบายการกระจายอำนาจโดยเห็นควรกำหนดให้นโยบายการกระจายอำนาจเป็นนโยบายสำคัญในการบริหารงานของรัฐบาล และบรรจุไว้ในแผนบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งกำหนดมาตรการบังคับใช้พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2542 อย่างจริงจัง และส่งเสริมบทบาทของ ก.ก.ถ. ให้สามารถขับเคลื่อนแผนการกระจายอำนาจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายวิษณุ กล่าวภายหลังการประชุมว่า เป็นการประชุมเพื่อติดตามงานเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณที่ค้างจากการประชุมครั้งที่แล้ว ซึ่งจะให้งบประมาณกับ อปท. ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ แต่จะต้องส่งไปยังสำนักงบประมาณพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าจะเป็นจำนวนเท่าไร ส่วนที่มีการแบ่งงานให้รองนายกรัฐมนตรีดูแลพื้นที่ทั่วประเทศนั้น เป็นผลจากการประชุมเมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยว่าจะมีการดำเนินตรวจเยี่ยม จัดสรรงบประมาณกันอย่างไรให้แต่ละพื้นที่สอดคล้องกัน และในส่วนของรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลแต่ละพื้นที่นั้น มีงบประมาณฉุกเฉินสำหรับพัฒนาพื้นที่จังหวัดละไม่เกิน 10 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการประชุมถึงกรณีที่ธนาคารโลกจัดลำดับความน่าเชื่อถือสำหรับการลงทุนในทุกประเทศ ซึ่งประเทศไทยจากเดิมอยู่ในลำดับที่ 28 แต่ขณะนี้เป็นที่ 26 แต่ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ว่าจะอยู่ลำดับที่เท่าไร แต่อยู่ที่ข้อห่วงใยสำหรับการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความล่าช้าในกระบวนการข้ออนุมัติในด้านต่างๆ
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสถาบันพระปกเกล้า ร่วมกันจัดเวทีแสดงความคิดเห็นของนักศึกษา นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดเรื่องดังกล่าว แต่ส่วนตัวมองว่าในข้อกฎหมายไม่มีปัญหา หากมีการขออนุญาตสามารถทำได้ ส่วนร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 นายวิษณุ กล่าวว่า ตนได้รับร่างมาเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 24 พ.ย. และเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมทั้งไม่ต้องส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการตรวจพิจารณา เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวให้อำนาจเปิดช่องทางให้องค์กรที่รักษาการตามกฎหมายเสนอกฎหมายเองได้ ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ป.ป.ช. เพิ่มอำนาจให้ตัวเองนั้น ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ต้องเสนอเข้า สนช. โดย สนช. สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ โดยบางส่วนอาจจำเป็นต้องแก้อย่างเร่งด่วน แต่บางส่วนยังสามารถรอได้ เพราะเรายังไม่รู้ว่าสุดท้ายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะออกแบบรูปร่างหน้าตาองค์กรอิสระเป็นอย่างไร ซึ่งคาดว่ากฎหมายดังกล่าวอาจจะเข้าที่ประชุม สนช. ในวันที่ 28 พ.ย.