ศธ. เตรียมคัด 20 เขต 15 ร.ร. นำร่องกระจายอำนาจ ทั้งการบริหาร งบประมาณ หลักสูตรและบุคลากร ตั้งเป้าเริ่ม 1 ม.ค. 58 และประเมินผล 3 เดือน “ณรงค์” แจงพร้อมขยายผลทั่วประเทศหากพิสูจน์แล้วว่ากลุ่มนำร่องทำงานได้เป็นผลสำเร็จ
วันนี้ (19 พ.ย.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ. ว่า ศธ. เตรียมดำเนินการโครงการปฏิรูปสู่การปฏิบัติ โดยจะนำร่องการกระจายอำนาจการบริหารจัดการให้โรงเรียนและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ได้มีอิสระและมีความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น โดยเบื้องต้นจะคัดเลือก สพท. 20 เขตจากทุกภาค และให้แต่ละเขตพื้นที่ฯ ไปดำเนินการคัดเลือกโรงเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ จำนวน 15 โรง เพื่อเป็นต้นแบบการดำเนินการ ทั้งนี้ การกระจายอำนาจดังกล่าวให้อำนาจเขตพื้นที่ฯ และโรงเรียนมีอำนาจในการบริหารจัดการทั้งงบประมาณ หลักสูตรการเรียนการสอน รวมถึงครูและบุคลากร เฉพาะกรณีที่โรงเรียนได้รับจัดสรรอัตราไว้แต่ยังไม่มีคนก็สามารถดำเนินการได้เอง ไม่ได้หมายถึงว่า ศธ. ให้อำนาจในการกำหนดอัตราใหม่ให้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ตนเตรียมออกคำสั่งเรื่องการกระจายอำนาจบริหารจัดการสู่โรงเรียนและเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อรองรับและคาดว่าจะเริ่มดำเนินการโครงการในวันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป จากนั้นจะประเมินผล 3 เดือนว่าภายหลังที่ ศธ. ได้มอบอำนาจให้โรงเรียนและเขตพื้นที่ฯบริหารจัดการกันเองนั้น มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในทิศทางที่ดีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากกลุ่มโรงเรียนที่นำร่องเหล่านี้ประสบความสำเร็จก็จะขยายการกระจายอำนาจดังกล่าวครอบคลุมทั่วประเทศ
“ที่ผ่านมา เรามักจะพูดกันว่า โรงเรียนและเขตพื้นที่ไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ไม่มีอิสระ เพราะอำนาจอยู่ที่ส่วนกลาง แม้ในกฎหมายจะระบุว่า สถาบันการศึกษาเป็นนิติบุคคลสามารถบริหารจัดการได้ด้วยตนเอง แต่ที่ผ่านมาการบริหารจัดการด้วยตนเองของโรงเรียนก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เช่น โรงเรียนจะเสนอเรื่องขออนุมัติงบประมาณอะไรก็ตามก็จะต้องส่งเรื่องมาตามลำดับขั้นตอน ทำให้การทำเรื่องขออนุมัติมีขั้นตอนยุ่งยากและใช้เวลานาน อีกทั้งยังทำให้ประสิทธิภาพการบริหารงานในพื้นที่ทำได้ช้าจนส่งผลกระทบไปถึงตัวผู้เรียนได้ ดังนั้น เมื่อเรามอบอำนาจทั้งเงินและการตัดสินใจให้แก่ผู้บริหารโรงเรียนบริหารจัดการกันเองแล้วก็หวังว่าจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานในพื้นที่จะเกิดความคล่องตัว และมีอิสระในการทำงานมากขึ้น” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่