มาตุภูมิส่งเลขาฯ พรรคเข้าประชุม กมธ.ยกร่างฯ ยันปฏิรูปการเมืองต้องทำอย่างไรให้มีความเหมาะสมกับสังคม แนะกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ด้าน “ชูวิทย์” ถือตะเกียงบุกสภา อ้างเพิ่มแสงสว่าง ฝาก “บวรศักดิ์ - ประยุทธ์" ช่วย แต่เมินร่วมวงถก ตั้งฉายารัฐธรรมนูญหน้าขาวฟันเหยิน โวยประชุมเถื่อน พรรคเอาสิทธิ์ไหนมาคุย หนุนไม่เลิกอัยการศึก ฉะ คสช.โรดแมปเหมือนของ กปปส. ชี้ปัญหาชาติเกิดจากนักการเมืองโง่สะดุดขาตัวเอง แย้มไม่เป็นนักการเมืองก็ทำประโยชน์ได้
วันนี้ (20 พ.ย.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.30 น. คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มี นพ.กระแส ชนะวงศ์ รองประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมหารือกับตัวแทนพรรคการเมืองในการรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศและแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญ วันนี้ถือเป็นวันที่ 3 ของการเชิญพรรคการเมืองเข้าหารือ โดยวันนี้มีตัวแทนจากพรรคมาตุภูมิ ประกอบด้วย นายอุดมศักดิ์ ศรีสุทิวา เลขาธิการพรรค พล.ต.วีระศักดิ์ นาทะสิริ รองเลขาธิการพรรคเข้าร่วมหารือ
โดยนายอุดมศักดิ์กล่าวว่า พรรคมาตุภูมิมีเป้าหมายในการปฏิรูปประเทศโดยเฉพาะการเมือง คือทำอย่างไรให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีความเหมาะสมกับสภาพสังคมไทยโดยคำนึงถึงหลักสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคของประชาชน หลักนิติธรรม มีระบบการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของประชาชนด้านต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ ประชาชน ซึ่งสภาพสังคมไทยขณะนี้เราต้องทำให้สังคมไทยมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในระบบการปกครอง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยมีความต่อเนื่องและมั่นคง นอกจากนี้การร่างรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องเปิดให้คนไทยมีโอกาสและมีส่วนร่วม ต้องปราศจากอคติ ยึดโยงกับประชาชน ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยการมีส่วนร่วมทางการเมืองต้องมีเหตุผล ถ้าไม่มีเหตุผลก็จะเกิดความวุ่นวาย รวมทั้งการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องเน้นการกระจายอำนาจไปยังท้องถิ่น ด้วยการต้องกำหนดยุทธศาสตร์แบบบูรณาการร่วมกันระหว่างท้องถิ่นกับจังหวัดด้วยเพราะจะทำให้ท้องถิ่นเข้าใจปัญหาและรู้ปัญหาของตัวเอง
ต่อมาที่บริเวณหน้าอาคาร รัฐสภา 1 เมื่อเวลา 11.00 น. นายชูวิทย์ กลมวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เดินทางมายังหน้าอาคารรัฐสภาพร้อมกับถือตะเกียงมาด้วย โดยระบุว่าบ้านเมืองกำลังมืดมิด จากเมื่อก่อนที่เคยพอเห็นแสงสว่างอยู่บ้าง จึงนำตะเกียงมาเพิ่มความสว่างให้แก่บ้านเมือง พร้อมจะนำไปฝากให้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เพื่อให้ช่วยให้บ้านเมืองสว่างอีกครั้ง ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการร่างรัฐธรรมนูญไม่มีประโยชน์ เพราะเวลาที่เราทะเลาะกัน เราไม่เคยมองรัฐธรรมนูญ มองแต่ประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และขอปฏิเสธที่จะเข้าร่วมแสดงความเห็นกับ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ
“มีแต่คนหาว่าผมบ้าที่ไม่เข้าร่วม แต่ผมว่าคนที่มาประชุมบ้ากว่าผมอีก เพราะร่างแล้วฉีก ฉีกแล้วร่างใหม่ ครั้งนี้ก็อย่าติติงผมเลย เพราะปัจจุบันไม่มีฝ่ายค้าน ก็ขออนุญาติให้ชูวิทย์ได้พูดเถอะ วันนี้บ้านเมืองมืดมิด พูดไม่ได้ จะเรียกประชุมพรรคยังไม่ได้เลย แล้วจะเอาสิทธิที่ไหนมาประชุมกับกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จะเอามติ หรือเอาความเห็นที่ไหนมาเสนอต่อ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะพรรคเป็นของประชาชน ดังนั้น การประชุมข้างบนก็เป็นการประชุมเถื่อน เพราะพรรคที่มามาโดยมติใครก็ไม่รู้ ไม่มีฐานความคิด ดังนั้น ผมจึงขอตั้งฉายารัฐธรรมนูญนี้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับหน้าขาว ฟันเหยิน” นายชูวิทย์กล่าว
นายชูวิทย์กล่าวเห็นด้วยต่อการที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ยกเลิกกฎอัยการศึกนั้นถูกต้องแล้ว เพราะถ้าเลิกก็จะยุ่ง เพราะขณะนี้ยังมีคลื่นใต้น้ำเคลื่อนไหวอยู่ และตนจะไม่ขัดขวางการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ แต่อยากให้เห็นว่าการร่างรัฐธรรมนูญทุกครั้งก็จะเป็นแบบนี้ เมื่อถามย้ำว่า เหตุใดจึงไม่ทำหนังสือถึง คสช. เพื่อขออนุญาตประชุมพรรค นายชูวิทย์กล่าวว่า ประชุมพรรคก็มีทหารไปร่วมด้วย แบบนี้อึดอัด เพราะการประชุมย่อมมีการวิพากษ์วิจารณ์บ้าง การประชุมที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเขาก็ไม่อยากประชุมกัน
เมื่อถามต่อว่า ออกมาพูดแบบนี้ไม่กลัวทหารเรียกหรือ นายชูวิทย์ กล่าวว่า “ผมรักทหาร ลูกชายก็เป็นทหาร และการทำรัฐประหารที่ผ่านมาก็มีความเข้าใจในสถานการณ์ แต่บังเอิญโรดแม็พดันไปคล้ายกับโรดแม็พของพระสุเทพ ที่วางไว้ เหมือนกับก๊อบปี้กันมา ถ้าเป็นกลางจริงๆ ทุกคนก็เห็นด้วย”
เมื่อถามอีกว่า ปัญหาที่ผ่านมาเกิดจากนักการเมืองไม่ใช่หรือ นายชูวิทย์กล่าวว่า ปัญหามาจากนักการเมืองที่หลงอำนาจ โง่เอง เดินสะดุดขาตัวเองเรื่องร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งนี้ ในอนาคตจะกลับมาเป็นนักการเมืองหรือไม่นั้นมองว่าไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมืองก็สามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ ไม่จำเป็นต้องนักการเมือง