ที่ปรึกษาชาติไทยพัฒนา เผยเตรียมนำภาพรวมปัญหาปฏิรูปชง กมธ.ยกร่างฯ ยันหัวใจรัฐธรรมนูญต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม ชี้ปมเพราะรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เลือกปฏิบัติ กฎหมายคลุมเครือ แต่ไม่ขอยุ่งเรื่องจัดเลือกตั้ง หวั่นตอบคำถามสังคมไม่ได้ ยันมาคุยไม่ใช่มติพรรค แค่นำข้อเสนอ “บรรหาร” มาคุย รับถก “บวรศักดิ์” นอกรอบแล้ว อย่าปิดปากชาวบ้าน ขอประชาพิจารณ์ ไม่หวั่นโดนเล่นอีก บอกเหมือนนักกีฬาเขาเขียนมาถ้าพอใจเล่นก็เล่น
วันนี้ (18 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมเสนอความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญว่า ทางพรรคตั้งใจที่จะนำเสนอภาพรวมของปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศโดยยึดภาคประชาชนเป็นหลัก โดยมองว่าหัวใจของรัฐธรรมนูญคือการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม ดังนั้น แนวทางที่พรรคจะเสนอต่อ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญนั้นคือ การทำอย่างไรให้ประชาชนเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่นำไปสู่การปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากทุกคนตั้งความหวังไว้กับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ วันนี้เราต้องยอมรับว่าหากไม่ปฏิรูปก็ยากที่จะทำให้ประเทศดีขึ้นได้ ที่ผ่านมาเราเห็นอุปสรรคและปัญหาที่เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญปี 50 ที่มีการตัดการมีส่วนร่วมของประชาชนออกไป ส่งผลให้เกิดปัญหาความขัดแย้งมากขึ้น ขยายฐานความแตกแยกให้ลึกลงไปอีก เชื่อว่าบทเรียนครั้งนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการให้ซ้ำรอย
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ส่วนแนวทางการลดความขัดแย้ง มองว่าหากกติกาและผู้ปฏิบัติเป็นธรรมเชื่อว่าจะสามารถแก้ไขได้ ขณะนี้ทุกคนรู้แล้วว่าปัญหาเกิดจากความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม มีธงหรือเหมือนมีการเลือกปฏิบัติและตัวกฎหมายเขียนคลุมเครือก่อให้เกิดความขัดแย้ง จนกระทั่งนำไปสู่การตีความจนประเทศชะงักงันเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ส่วนแนวทางที่เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งหรือนักการเมืองนั้นทางพรรคขอไม่เสนอความเห็น เพราะพรรคไม่ได้ส่งบุคคลเข้าร่วมเป็น สปช.เนื่องจากรู้ว่าสังคมมองนักการเมืองและพรรคการเมืองอย่างไร ถ้าวันนี้เรามาเสนอสิ่งที่มีส่วนได้ส่วนเสียจะตอบคำถามสังคมไม่ได้
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า การมาเสนอความเห็นครั้งนี้เป็นเพียงการพูดคุยกันในส่วนของผู้บริหารพรรคไม่ได้เป็นมติของพรรค เนื่องจากยังติดกฎอัยการศึกที่ไม่สามารถจัดประชุมพรรคได้ เพียงแต่เป็นการนำข้อเสนอของนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ไปเดินสายหารือกับบุคคลสำคัญต่างๆ เช่น นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีด้วยกันหลากหลายประเด็น อาทิ สิทธิเสรีภาพ การจัดการทรัพยากรของประเทศ ล้วนเป็นเรื่องที่ไกลตัวนักการเมืองมากพอสมควร อย่างไรก็ตาม พรรคคาดหวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ประชาชนจะมีส่วนร่วมและรู้สึกเป็นเจ้าของเหมือนเช่นรัฐธรรมนูญปี 40
“ได้คุยนอกรอบกับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่าการทำประชามติเป็นเพียงปลายน้ำ แต่ต้นน้ำคือการทำประชาพิจารณ์มากกว่าซึ่งต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำเหมือนปี 40 แต่นายบวรศักดิ์ ระบุว่า ขณะนี้ติดเงื่อนไขกฎอัยการศึก ทำให้ประชาชนรวมตัวมากไม่ได้ ซึ่งผมก็บอกไปว่ากติกาทุกอย่างมีข้อยกเว้น เมื่อวันนี้เรายอมรับว่าเจ็บปวดแต่ก็ให้เกิดประโยชน์ เมื่อตั้งความหวังไว้สูง การเปิดหูเปิดตา ให้โอกาส อย่าไปปิดปากเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทุกคนก็อยากให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับสุดท้าย” นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า พรรคเห็นว่ากติกาเดิมมีความไม่เป็นธรรมเหตุใดจึงไม่เสนอแนวทางแก้ไข นายสมศักดิ์กล่าวว่า เสนอไปรอบที่แล้ว มีการพูดกันว่าให้ลงมติรับรัฐธรรมนูญไปก่อนเพื่อให้ประเทศเดินหน้าแล้วค่อยแก้ภายหลัง สุดท้ายพอนักการเมืองมาเสนอแก้ภายหลัง อดีต ส.ส.และ ส.ว.กว่า 300 คน ไม่มีใครรู้อนาคตเลยโดยเฉพาะนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ก็เป็นบทเรียนสำคัญของการรับรัฐธรรมนูญไปก่อนแล้วแก้ไขภายหลัง
ต่อข้อถามว่าถ้าสมาชิกบ้าน 109 และ 111 อาจถูกลงโทษอีกครั้งหากเกิดรัฐธรรมนูญใหม่มีความกังวลหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่กังวลเหมือนตนเป็นนักกีฬา กติกาเขียนอย่างไรพอใจที่จะเล่นก็เล่นเมื่อไม่พอใจเราก็ไม่ต้องเล่น เมื่อเขาจำกัดสิทธิ์อาวุโสของพรรค ก็ไม่ต้องส่ง เพราะไม่พอใจจะเล่น ทั้งหมดอยู่ที่ สปช.