สนช.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.กำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร ให้โรงเรียนทหาร 4 แห่งมีปริญญา 3 ขั้น พร้อมครุย และตำแหน่งทางวิชาการ รัฐมนตรีช่วยกลาโหม อ้างให้สอนได้แค่ปริญญาโทไม่สอดคล้องความจำเป็นที่ต้องพัฒนาบุคลากร ด้าน ปธ.กกอ.ชี้ดอกเตอร์เรียนเพื่อสร้างนักวิจัย แต่รับปัญหาปริญญาเฟ้อเหตุนำไปผูกตำแหน่งทำคุมคุณภาพยาก ก่อนมีมติเอกฉันท์ 206 เสียง งดออกเสียง 5 ผ่านกฎหมาย
วันนี้ (9 ต.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร พ.ศ... โดยมีหลักการสำคัญ คือ กำหนดระดับปริญญาในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ และโรงเรียนแผนที่ ให้มีปริญญา 3 ขั้น คือ ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก และกำหนดให้มีครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ เครื่องหมายแสดงวิทยฐานะนอกจากนี้ ยังกำหนดให้มีตำแหน่งทางวิชาการคณาจารย์ประจำของสถาบันการศึกษาและให้มีสิทธิใช้เป็นคำนำหน้านามเพื่อแสดงวิทยฐานะได้ตลอดไป
ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม กล่าวชี้แจงว่า ปัจจุบันสถาบันการศึกษาวิชาการทหารจัดการเรียนการสอนได้เพียงระดับปริญญาโท ไม่สอดคล้องกับความจำเป็นต่อการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในกองทัพให้มีความรู้ความสามารถทันกับการเปลี่ยนแปลง สมควรกำหนดให้สถาบันการศึกษาวิชาการทหารมีอำนาจทำการสอนได้ถึงระดับปริญญาเอก และมีอำนาจให้ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง และประกาศนียบัตรบัณฑิตแก่นักเรียนวิชาการทหาร รวมถึงปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของสภาการศึกษาวิชาชีพทหารให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ สนช.และประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา อภิปรายว่า การศึกษาปริญญาเอกเป็นเรื่องดี แต่ต้องระวังว่าการศึกษาระดับปริญญาเอกเพื่อสร้างนักวิจัยสร้างองค์ความรู้ไม่ใช่เพื่อใช้ไปต่อยอดเพื่อให้ตำแหน่งสูงขึ้น แต่ที่บ้านเมืองมีปัญหาเวลานี้เพราะเอาปริญญาไปผูกกับตำแหน่งจนเกิดปัญหาปริญญาเฟ้อยากต่อการควบคุมคุณภาพ ซึ่งการพูดเช่นนี้เพราะต้องการที่จะหาทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา
พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ สนช.อภิปรายตั้งข้อสังเกตว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ได้แก้ปัญหาอย่างครอบคลุม เพราะเป็นการแก้ไขวิทยฐานะเท่านั้น ควรปรับปรุงเป็นร่าง พ.ร.บ.โรงเรียนนายทหาร เพื่อที่จะได้มีการแก้ไขและจัดการเหมือนกับสถาบันการศึกษาอื่นๆ รวมทั้งให้มีการเพิ่มอัตรานายพลเพื่อรองรับนักวิชาการหรืออาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นอีก 4-5 ราย เพื่อป้องกันเกิดอาการสมองไหลด้วย
พล.อ.อุดมเดชชี้แจงกรณีคุณภาพการศึกษาว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งการศึกษา คณาจารย์ สถานที่ ส่วนหลักสูตรก็ได้รับการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) เช่นเดียวกับหลักสูตรที่สอนภายนอกเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สมาชิกได้มีมติเอกฉันท์ 206 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง เห็นชอบหลักการวาระแรก พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 15 คนพิจารณารายละเอียดในกรอบเวลา 30 วัน