สนช.พิจารณร่างบังคับประชุม มีเสียงค้านเพิ่มจำนวน กมธ.ไม่เกิน 26 คน เหตุทำงานไม่เต็มที่ แต่ไร้ผล มติเห็นชอบ ก่อนถกจำนวนคณะ กมธ. “นรนิติ” ติงนำความมั่นคงร่วม ตปท.ไม่เหมาะ “สมชาย” หนุน ชี้ต้องแจง ตปท.บ่อยไม่ควรไปในนามคู่กัน ควรแยก สายทหาร อ้างปัญหาความมั่นคงไร้พรมแดน ถือว่าสมควรแล้ว กมธ.รับปากนำไปพิจารณา
วันนี้ (25 ก.ย.) การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุม สนช. คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 เป็นประธานคณะ กมธ.ได้พิจารณาเสร็จแล้ว จำนวน 221 ข้อ
สำหรับการอภิปรายในช่วงแรกสมาชิกสนช.จำนวนหนึ่งนำโดย นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช.ได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการแก้ไขของคณะกมธ.ที่เพิ่มจำนวนกรรมาธิการแต่ละคณะเป็นไม่เกิน 26 คนจากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 21 คน โดยนายวัลลภกล่าวว่า การกำหนดให้มี กมธ.จำนวนไม่เกิน 26 คนจะมีผลให้จำนวนสมาชิก สนช.ในแต่ละคณะ กมธ.มีความไม่สมดุลกัน เช่น บางคณะ กมธ.จะมีจำนวน 26 คนเต็มจำนวน ขณะที่ อีกบางคณะ กมธ.จะมี กมธ.แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งจะทำให้การทำงานในคณะ กมธ.ทำไม่ได้อย่างเต็มที่ เพราะปัจจุบันมีสมาชิก สนช.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้จำนวน 192 คน
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิก สนช.ในฐานะรองประธานคณะ กมธ.ชี้แจงว่า การเพิ่มจำนวน กมธ.ในแต่ละคณะนั้นมาจากการคิดจากสมมติฐานที่มี สนช.จำนวน 220คนเต็มจำนวนตามที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกำหนด ดังนั้น หากในอนาคตมีการแต่งตั้งสมาชิก สนช.เพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 192 คน จะช่วยให้สมาชิก สนช.ทุกคนสามารถทำหน้าที่ในคณะ กมธ.ได้
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม สนช.มีมติเสียงข้างมาก 147 ต่อ 22 เสียงเห็นชอบให้มี กมธ.ในแต่ละคณะได้ไม่เกินจำนวน 26 คน
ต่อมาเป็นการพิจารณาในเรื่องจำนวนคณะ กมธ.สามัญ ซึ่งตามร่างข้อบังคับการประชุม สนช.ได้กำหนดให้มีคณะ กมธ.สามัญจำนวน 16 คณะ ทั้งนี้ นายนรนิติ เศรษฐบุตร สมาชิก สนช.อภิปรายท้วงติงว่า การเอาเรื่องความมั่นคงของรัฐไปร่วมกับการต่างประเทศมารวมอยู่ในคณะ กมธ.ชุดเดียวกันโดยใช้ชื่อว่าคณะ กมธ.ความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากเรื่องความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศเป็นคนละเรื่องกันอย่างชัดเจนซึ่งจะมีผลต่อการทำงานของคณะ กมธ.ในอนาคต
นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช.กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า ปัจจุบันขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์พิเศษ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่คณะ กมธ.การต่างประเทศจะต้องมีบทบาทในการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำความเข้าใจกับนานาประเทศโดยเฉพาะภูมิภาค แต่หากการเดินทางไปต่างประเทศดังกล่าวเป็นไปในนามคณะ กมธ.ความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ อาจเป็นการส่งสัญญาณในด้านการต่างประเทศที่ไม่ดี ดังนั้นคิดว่าทางออกในเรื่องนี้ คือ การปรับแก้ให้มีคณะ กมธ.จำนวน 17 คณะ โดยตั้งคณะ กมธ.ความมั่นคงของรัฐแยกออกมาเป็นการเฉพาะ
ทั้งนี้ กมธ.ที่เป็นทหารได้พยายามชี้แจงว่าการนำเรื่องความมั่นคงและการต่างประเทศรวมกันไว้ในคณะ กมธ.ชุดเดียวกัน เพราะเห็นว่าปัจจุบันปัญหาความมั่นคงและภัยคุกความเป็นเรื่องไร้พรมแดนไปแล้ว มีความเชื่อมโยงในหลายด้าน วิธีการทางการทูตจะเป็นกลไกสำคัญของการแก้ไขปัญหา ดังนั้นจึงเกี่ยวข้องกับการต่างประเทศไปโดยปริยาย และให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
นายพีระศักดิ์กล่าวชี้แจงว่า ที่ผ่านมาคณะ กมธ.พิจารณายกร่างข้อบังคับการประชุม สนช.ได้มีการพิจารณามาแล้วหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ในส่วนเรื่องของคณะ กมธ.ความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศที่มีสมาชิก สนช.หลายคนแสดงความไม่เห็นด้วย ทางคณะ กมธ.จะนำไปพิจารณาปรับแก้ให้เกิดความเหมาะสม
จากนั้นเวลา 12.15 น. นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ในฐานประธานในที่ประชุมได้สั่งพักการประชุมชั่วคราวเพื่อให้คณะ กมธ.ของนายพีระศักดิ์ไปประชุมหารือกัน