การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้ เริ่มเวลา 10.00 น. มีวาระพิจารณาเร่งด่วน คือ ร่างข้อบังคับการประชุม สนช.ในวาระ 2 และ 3 ซึ่งมีสมาชิกขอสงวนคำแปรญัตติจำนวน 6 คน โดยร่างข้อบังคับฉบับใหม่นี้ยึดโยงกับร่างข้อบังคับการประชุม สนช.ปี 2549 เป็นหลัก ซึ่งจะมีทั้งหมด 17 หมวด 1 บทเฉพาะกาล 221 ข้อ แต่จะมีเรื่องใหม่เพิ่มเติมเข้ามาจำนวน 3 เรื่อง คือ หมวด 4 การพ้นสมาชิกภาพของ สนช.กรณีไม่แสดงตนเพื่อลงมติเกิน 1 ใน 3 ของจำนวนครั้งที่มีการแสดงตนทั้งหมด ในระยะเวลา 90 วัน และหมวด 5 ว่าด้วยการตั้งกรรมาธิการ ซึ่งได้กำหนดให้มีคณะกรรมาธิการประจำสภาจำนวน 16 คณะ
สำหรับประเด็นที่หลายฝ่ายให้ความสนใจอย่างมาก คือ หมวด 10 ว่าด้วยการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งในชั้นกรรมาธิการได้เพิ่มขั้นตอนการยื่นถอดถอนไว้ โดยระบุว่า เมื่อประธาน สนช.ได้รับคำร้องการถอดถอนแล้ว จะต้องมอบหมายให้คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ วิป สนช.ตรวจสอบว่าอยู่ในอำนาจหรือไม่ หากพบว่ามีอำนาจ สามารถดำเนินการได้ ก็ให้นัดประชุมนัดแรกเพื่อพิจารณาถอดถอนภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่รับเรื่อง
ทั้งนี้ การอภิปรายของสมาชิกเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันนี้ และหากผ่านความเห็นชอบในวาระ 3 แล้ว จะมีผลบังคับใช้ในวันถัดมา ซึ่งในเรื่องของการถอดถอนนั้น ล่าสุดมีคำร้องค้างอยู่ในวุฒิสภาจำนวน 4 เรื่อง ดังนั้น หากร่างข้อบังคับมีผลบังคับใช้ ประธาน สนช.สามารถส่งให้วิป สนช.เพื่อพิจารณาตรวจสอบอำนาจได้ทันที โดยกระบวนการลงมติถอดถอน จะลงคะแนนลับ และนับคะแนนด้วยการขานคะแนนว่า ถอดถอน หรือ ไม่ถอดถอน เมื่อสภาลงมติแล้ว ให้ประธานแจ้งมติต่อกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป
สำหรับประเด็นที่หลายฝ่ายให้ความสนใจอย่างมาก คือ หมวด 10 ว่าด้วยการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งในชั้นกรรมาธิการได้เพิ่มขั้นตอนการยื่นถอดถอนไว้ โดยระบุว่า เมื่อประธาน สนช.ได้รับคำร้องการถอดถอนแล้ว จะต้องมอบหมายให้คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ วิป สนช.ตรวจสอบว่าอยู่ในอำนาจหรือไม่ หากพบว่ามีอำนาจ สามารถดำเนินการได้ ก็ให้นัดประชุมนัดแรกเพื่อพิจารณาถอดถอนภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่รับเรื่อง
ทั้งนี้ การอภิปรายของสมาชิกเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันนี้ และหากผ่านความเห็นชอบในวาระ 3 แล้ว จะมีผลบังคับใช้ในวันถัดมา ซึ่งในเรื่องของการถอดถอนนั้น ล่าสุดมีคำร้องค้างอยู่ในวุฒิสภาจำนวน 4 เรื่อง ดังนั้น หากร่างข้อบังคับมีผลบังคับใช้ ประธาน สนช.สามารถส่งให้วิป สนช.เพื่อพิจารณาตรวจสอบอำนาจได้ทันที โดยกระบวนการลงมติถอดถอน จะลงคะแนนลับ และนับคะแนนด้วยการขานคะแนนว่า ถอดถอน หรือ ไม่ถอดถอน เมื่อสภาลงมติแล้ว ให้ประธานแจ้งมติต่อกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป
