ประธานสภาพัฒนาการเมือง แถลงแนวทางปฏิรูปประเทศ 4 ด้าน เสนอ คสช. หนุนตรา พ.ร.บ.สิทธิชุมชนจัดการที่ดินและทรัพยากร สร้างความเสมอภาคและความเป็นธรรมเศรษฐกิจ-สังคม และเสริมสร้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แนะปฏิรูประบบเทคโนโลยีสารสนเทศจัดตั้งเครือข่ายพลังพลเมืองเพื่อการปฏิรูปสื่อ พร้อมเสนอร่าง พ.ร.บ. 9 ฉบับ และมาตรการปฏิรูปอีก 21 ข้อ
วันนี้ (19 ก.ย.) นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง แถลงผลการศึกษาแนวทางการปฏิรูปด้านการสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม 4 ด้านที่จะสรุปนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันเดียวกันนี้ว่า สภาพัฒนาการเมืองได้รวบรวมข้อคิดจากหน่วยงานต่างๆ ที่มีข้อสรุปพบว่าปัญหาสังคมการเมืองของไทยมีรากเหง้าจากความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม จึงได้จัดทำแนวทางปฏิรูป โดยคำนึงถึงการดำรงชีวิตของคนไทยที่ต้องอยู่ในสังคมประชาธิปไตยที่มีคุณภาพ 4 แนวทาง คือ 1. ปฏิรูปมาตรการต่างๆ เพื่อคุ้มครองและรับรองสิทธิของกลุ่มคนระดับฐานล่างและสิทธิของชุมชน โดยสนับสนุนการตรา พ.ร.บ.สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ การปฏิรูปโครงสร้างการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อคุ้มครองและรับรองสิทธิของคนระดับล่างและชุมชน ปฏิรูปการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำโดยทบทวนโครงการออกแบบก่อสร้างระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน กระจายอำนาจการบริหารจัดการน้ำสู่พื้นที่ผ่านคณะกรรมการลุ่มน้ำที่มีผู้แทนจากทุกภาคส่วน สร้างบรรทัดฐานในการกำหนดนโยบายสาธารณะว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและการบริหารโครงการขนาดใหญ่ของรัฐโดยใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ พร้อมผลักดันให้มีกฎหมายทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
แนวทางที่ 2 ขยายมาตรการสร้างความเสมอภาพทางเศรษฐกิจและสังคม โดยปฏิรูปโครงสร้างและกฎหมายด้านที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน ปฏิรูประบบเกษตรกรรม การจัดตั้งธนาคารที่ดิน ปรับทิศทางการศึกษาเพื่อสร้างคุณภาพและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เพื่อให้คนไทยดำรงชีวิตในสังคมโดยไม่มีความรู้สึกว่าเป็นกลุ่มคนที่เสียเปรียบอันเนื่องจากความแตกต่างทางเศรษฐกิจและสังคม มีมาตรการในการตรวจสอบการถือครองที่ดินของชาวไทยและต่างชาติ บริหารจัดการที่ดินเกษตรกรรมในพื้นที่ป่าอย่างมีส่วนร่วม มีรูปธรรมคือ จำกัดการถือครองที่ดินครัวเรือนละไม่เกิน 50 ไร่ ถ้าเกินต้องจัดเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า แก้ไข พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม 2524 จัดระบบการออกโฉนดชุมนชนที่มีกระบวนการโปร่งใส และอนาคตให้มีการตรา พ.ร.บ.โฉนดชุมชนทดแทนการใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
แนวทางที่ 3 มาตรการสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม โดยควรมีการปฏิรูประบบภาษีเพื่อสังคมไทยเสมอหน้า ปฏิรูประบบประกันสังคมเพื่อความเป็นธรรม การจัดตั้งกองทุนยุติธรรมเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย การคืนความเป็นธรรมแก่ประชาชนกรณีที่ดินและทรัพยากร พิจารณาออก พ.ร.บ.นิรโทรกรรมผู้บุกรุกป่ากรณีไม่มีที่ดินทำกิน สร้างความเป็นธรรมในการจัดสรรทรัพยากรแร่ การปฏิรูปพลังงาน แก้ไขปัญหาการทับซ้อนของผลประโยชน์ในการจัดการพลังงานของชาติ การตรา พ.ร.บ.ภาษีและสิ่งปลูกสร้าง การส่งเสริมระบบสหกรณ์ของกลุ่มคนยากจน เพื่อกระจายทรัพยากรจากผู้มั่งค่างสู่ผู้ด้อยโอกาสและการเสรอมสร้างความเป็นธรรม ให้รู้สึกว่าอยู่ในสังคมที่เป็นธรรม เช่นให้มีการจัดเก็บภาษีมรดก นำมาตรการ “เงินโอน แก้จน คนขยัน” มาใช้ในการรวมระบบภาษีและระบบสวัสดิการเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นเครื่องมือในการระบุตัวและโอนเงินไปยังผู้สมควรได้รับการช่วยเหลืออย่างแท้จริง แก้ไข พ.ร.บ.ประกันสังคมในประเด็นขยายความครอบคลุมไปถึงแรงงานในและนอกระบบ รวมทั้งแรงงานขามชาติ ปรับปรุงระบบและพัฒนาระบบสวัสดิการสังคมให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มอย่างเป็นธรรมมีประสิทธิภาพ
แนวทางที่ 4 มาตรการเสริมสร้างการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมด้วยความมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยต้องมีการปฏิรูประบบแรงงานและสวัสดิการ จัดให้มีระบบการคุ้มครองแรงงาน จัดตั้งบริษัทกลางด้านกำลังคนเพื่อทำหน้าที่จัดฝึกกำลังคนแสวงหาตลาดงานและดูแลแรงงานในต่างประเทศ การปฏิรูปกลไกขับเคลื่อนความเสมอภาคระหว่างเพศ การตรา พ.ร.บ.ส่งเสริมโอกาสและความเสมอภาคระหว่างเพศ พ.ร.บ.ส่งเสริมครอบครัว การสร้างหลักประกันในการดำรงชีวิตและระบบสังคมที่เสริมสร้างสุขภาวะแก่ผู้สูงอายุ ปฏิรูประบบการบริหารจัดการให้ศิลปวัฒนธรรมดำรงอยู่อย่างมีเอกลักษณ์และเป็นอิสระ ปฏิรูประบบสุขภาพและสาธารณสุขทั้งระบบการสร้างเสริมสุขภาพ โดยมีการป้องกันโรคและภัยคุกคาม ระบบบริการที่เน้นการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ เชื่อมกับระบบบริการระดับอำเภอและระบบบริการสุขภาพระยะยาว ระบบการเงินการคลังและระบบหลักประกันสุขภาพโดยปรับปรุงให้ทุกกองทุนมีประสิทธิภาพ มีการอภิบาลแบบมีส่วนร่วม
นายธีรภัทร์ กล่าวด้วยว่า เพื่อให้การดำเนินการปฏิรูปทั้ง 4 แนวทาง มีประสิทธิภาพ จึงมีข้อเสนอเชิงมาตรการให้มีการปฏิรูประบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมด้วยการตั้งหน่วยงานเฉพาะที่ทำหน้าที่สนับสนุนข้อมูลสารสนเทศ ปฏิรูปสื่อด้วยการจัดตั้งเครือข่ายพลังพลเมืองเพื่อการปฏิรูปสื่อทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค และชุมชน เพื่อทำหน้าที่ผลักดัน เรียกร้องและติดตามการทำงานของสื่อทุกประเภททุกระดับ รวมถึงติดตามการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรอิสระที่มีหน้าที่กำกับดูแลสื่อ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนหน่วยงานหรือองค์กรที่นำแนวทางการปฏิรูปไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยให้คสช. และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เป็นผู้จำแนกว่ามาตรการใดคงรจะทำในทันที ระยะสั้น กลาง ยาว ต่อไป
ทั้งนี้ เอกสารประกอบแนวทางปฏิรูปสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมที่ทางสภาพัฒนาการเมืองจะนำเสนอต่อ คสช. มีความหนา 422 หน้า ซึ่งนอกจากรายละเอียดข้อเสนอทั้ง 4 ด้านแล้ว ยังมีการเสนอร่าง พ.ร.บ. ที่เกี่ยวข้อง 9 ฉบับ และมาตรการปฏิรูปด้านต่างๆ อีก 21 มาตราการ
ประธานสภาพัฒนาการเมือง กล่าวด้วยว่า ในการรวบรวมผลการศึกษาที่เกี่ยวกับการปฏิรูปในครั้งถัดไป จะเป็นด้านการกระจายอำนาจด้านการปกครองและการปกครองส่วนท้องถิ่น การปฏิรูปการเมืองการบริหาร ที่จะแล้วเสร็จพร้อมนำเสนอ คสช. ในต้นเดือนตุลาคมนี้
