เสวนาพลังงานภาคบ่าย “หลวงปู่ฯ” ถามแหล่งก๊าซมีค่าเก็บไว้ให้ลูกหลานได้หรือไม่ และต้องแบ่งผลประโยชน์ให้เป็นธรรม ทำไมต้องแคร์นักลงทุน “ปิยสวัสดิ์” อ้างเก็บไว้นานจะไม่มีค่าเพราะมีพลังงานอื่นมาแทน “คุรุจิต” แจงต้องลดการนำเข้า ถ้าซื้อข้างนอกมาใช้ ค่าไฟพุ่งแน่ ส่วนกติกาแบ่งผลประโยชน์ต้องขุดเจอก่อนค่อยมาตั้ง ด้าน “วีระ” นำตัวแทนภาค ปชช.แถลงข่าวนอกห้องประชุม ชี้ไม่เปิดโอกาสชี้แจงข้อมูล จวก “ปิยสวัสดิ์” เผยธาตุแท้
ความคืบหน้าการเสวนา ถาม-ตอบปฏิรูปพลังงาน ที่หอประชุมกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต หลังจากได้เริ่มการเสวนาในช่วงเช้าและพักเที่ยงแล้ว ได้เปิดเวทีเสวนาต่อในช่วงบ่าย โดยการเปิดให้มีการตั้งกระทู้ถามสด หลวงปู่พุทธะอิสระได้ถามว่า ในเมื่อแหล่งพลังงานน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของไทยกำลังจะหมดในไม่กี่ปี ทำไมไม่สงวนเอาให้ลูกหลาน ซึ่งนายนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ตอบว่า ถ้าเก็บไว้ กลัวคนลงทุนจะไม่มาลงทุน หลวงปู่ฯ ได้แย้งว่า ตอบไม่ตรงประเด็น ทำไมไม่สงวนไว้ให้ลูกหลานเพื่อเป็นมรดกในวันข้างหน้า
นายปิยสวัสดิ์ตอบว่า ถ้าเก็บไว้ก็เป็นมรดกไม่มีค่า เมื่อถึงวันหนึ่งพลังงานทดแทนก็จะเข้ามาแทนที่ เหมือนกับถ่านหินที่ตอนนี้มีอยู่ใต้ดินมหาศาล แต่ก๊าซก็เข้ามาทดแทน หลวงปู่ฯ จึงถามว่า ระหว่างถ่านหินกับก๊าซ อย่างไหนมีมูลค่ามากกว่า และไม่ก่อมลพิษ ถ้าก๊าซมีมูลค่าดีกว่าและสะอาดกว่า ทำไมไม่เก็บไว้ให้ลูกหลาน นายปิยสวัสดิ์ตอบว่า ถ้าลดการใช้ก๊าซจะเอาอะไรมาแทน ถ้าชาวบ้านยังใช้พลังงานเท่าเดิม แต่จะเก็บแหล่งก๊าซของเราไว้ ก็ต้องสั่งซื้อก๊าซจากต่างประเทศ หลวงปู่ฯ จึงบอกว่าถ้าจะเก็บสมบัติอันมีค่าของบรรพบุรุษเอาไว้ แล้วซื้อจากข้างนอกมาใช้ รัฐจะไม่เอื้อเลยอย่างนั้นหรือ
นายคุรุจิต นาครทรรพ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า ตลอดเวลาที่รัฐบาลมีนโยบายที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือ ลดการนำเข้าพลังงาน และแสวงหาแหล่งพลังงานอื่นมาทดแทนการนำเข้า เพราะว่าปัจจุบันเรานำเข้าพลังงานร้อยละ 55 ใช้เงินซื้อปีละ 1.4 ล้านล้านบาท ถ้าเราจะเก็บก๊าซที่เรามีเอาไว้ก็จะกระทบต่อการอยู่ดีกินดีของประชาชน ต้นทุนพลังงานจะสูงขึ้น ความสามารถการแข่งขันจะลดลง ถ้าเป็นนโยบายที่จะเก็บเอาไว้ แล้วเอาของประเทศอื่นมาใช้ ประชาชนก็ต้องจ่ายแพงขึ้น
นายมนูญ ศิริวรรณ กล่าวเสริมว่า ถ้าไม่เอาก๊าซที่เรามีอยู่มาใช้ ค่าไฟห้าจะขึ้นอีกหน่วยละ 6 บาท ประชาชนรับได้หรือไม่ ถ้ารับได้ ภาคอุตสาหกรรมรับได้หรือไม่ ไปถามเขาดู ถ้าเขารับไม่ได้ ต้องย้านฐานการผลิตออกจากประเทศไทย จะเกิดอะไรขึ้น คนจะตกงาน ส่งสินค้าออกได้ไหม
ต่อมา พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส นักวิชาการด้านพลังงาน ถามว่า ในอดีตเราไม่มีบ่อน้ำมันไม่มาก แต่น้ำมันราคาถูก ปัจจุบันเรามีบ่อน้ำมัน 6,400 หลุม ราคาน้ำมันในประเทศไทยขึ้นไปถึงลิตรละ 45 บาท แสดงว่าหน่วยงานของกระทรวงพลังงาน และ ปตท.มีความบกพร่องหรือไม่ เราจะเอาระบบบริหารงานในอดีตที่ยังไม่มีกระทรวงพลังงานมาใช้ เพื่อให้ประเทศไทยใช้น้ำมันราคาเท่ามาเลเซีย คือลิตรละ 19 บาทได้หรือไม่
นายคุรุจิตตอบว่า ก่อนเดือน ต.ค.ปี 2545 ที่ยังไม่มีกระทรวงพลังงาน ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกบาร์เรลละ 35 ดอลลาร์ แต่ตอนนี้อยู่ที่บาร์เรลละ 95-100 ดอลลาร์ ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นก็เพราะต้นทุนน้ำมันดิบสูงขึ้น กองทุนก็เก็บเงินจากน้ำมันบางชนิดไปชดเชยน้ำมันแีก่ประเภทหนึ่งเพื่อไม่ให้ราคาสูงเกินไป ส่วนมาเลเซียเขาขายปลีกน้ำมันในราคาตลาดโลก ราคาหน้าโรงกลั่นเท่าๆ กับเรา แต่เขามีเงินชดเชยจากรัฐบาล โดยรัฐบาลตั้งงบประมาณมาชดเชยราคาขายปลีก ของเราไม่มีการชดเชยแต่มีระบบกองทุนน้ำมัน
นายคุรุจิตกล่าวต่อว่า ส่วนหลุมน้ำมัน 6 พันบ่อนั้น ในทางวิชาการเรียกว่าหลุมผลิต แหล่งหนึ่งอาจมีเป็นร้อยเป็นพันหลุม ทั้ง 6 พันหลุมอยู่ในไม่เกิน 20 แหล่งเท่านั้น เช่น แหล่งสิริกิติ์เจาะไปแล้ว 300 กว่าหลุม แต่ปิดไปแล้ว 200 กว่าหลุม แหล่งบงกช มีมากกว่า 200 หลุม ผลิตอยู่ 150 หลุม แหล่งน้ำมันในประเทศไทยมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อน ปริมาณน้ำมันต่อหลุมน้อย อายุใช้งานสั้น ที่เราเปิดสัมปทานก็เพราะเราผลิตไม่พอใช้ เราต้องแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติให้มากเพื่อให้พอต่อการใช้
หลวงปู่พุทธะอิสระถามว่า ทำไมไม่บริหารให้มันมีมูลค่าเพิ่มเพื่อให้มีผลประโยชน์ต่อแผ่นดินให้มากที่สุด ทั้งที่พบแล้วและกำลังพบทุกสัมปทานเอามาแบ่งปันผลประโยชน์ทั้งหมด นายปิยสวัสดิ์ได้ถามสวนขึ้นว่า จะฉีกสัญญาสัมปทานที่มีอยู่อย่างนั้นหรือ สัญญาสัมปทานที่ทำมาแล้วจะให้ยกเลิกด้วยใช่หรือไม่ หลวงปู่ฯ จึงบอกว่า เรื่องนี้ให้ฝ่ายราชการเขาตอบ เพราะคุณได้ประโยชน์ด้วย ไม่ต้องตอบ ทำไมเราต้องไปแคร์นักลงทุน ตั้งเป็นกติกาามาเลย จะแบ่งปันผลประโยชน์ 40-60 ก็ว่ากันไป จะได้ไม่ต้องมาบอกทีหลังว่าฝ่ายรัฐได้ประโยชน์น้อย
นายคุรุจิตตอบว่า เราทำตามกฎหมาย พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และกติกามีอยู่ มีการทบทวนอย่างต่อเนื่อง อย่างเมื่อมี 2550 มีการปรับเปลี่ยน มีการเก็บค่าภาคหลวงเป็นขั้นบันได เก็บภาษีร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ ถ้าพบแหล่งใหญ่ก็เก็บค่าภาคหลวงระบบก้าวหน้า แต่กติกาจะตั้งก็ต่อเมื่อสำรวจพบแล้ว ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีใครมาสำรวจ หลวงปู่ฯ จึงถามว่า เราจะทบทวนได้หรือไม่ เพื่อประโชน์ของแผ่นดิน
หลังจากนั้น News1 ได้ตัดการถ่ายทอดสดจากเวทีมาเป็นการแถลงข่าวของภาคประชาชน มีนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพฯ นายวีระ สมความคิด นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา ม.ล.กรณ์กสิวัฒน์ เกษมศรี พญ.กมลพรรณ ชีวพันธุ์ศรี ที่ออกจากเวทีเสวนามาเปิดแถลงข่าวนอกห้องประชุม โดย น.ส.รสนากล่าวว่า การตั้งคำถามบนเวทีเสวนา ไม่มีเวลามากพอที่จะอธิบายกรณีที่ ปตท.คืนท่อก๊าซไม่ครบตามคำสั่งศาลปกครอง และการคิดค่าเช่าท่อก๊าซของ ปตท.ที่ไม่เป็นธรรม
ขณะที่นายวีระบอกว่า รู้สึกผิดหวังที่การเสวนาครั้งนี้ไม่ใช่เวทีที่จะให้ข้อมูลต่อประชาชนอย่างแท้จริง ตนตั้งคำถามไว้ถามผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน แต่นายปิยสวัสดิ์ก็พยายามจะมาตอบแทน นอกจากนี้เป็นการเผยให้เห็นธาตุแท้ของนายปิยสวัสดิ์ ที่ยังมาอ้างหน้าตาเฉยว่า ปตท.คืนท่อก๊าซหมดแล้ว นอกจากนี้ เรื่องการใช้เงินของกองทุนน้ำมันและกองทุนอนุรักษ์พลังงานก็มีรายงานของ สตง.ชัดเจน และมีเอกสารให้ครบถูกต้องตามกติกา แต่นายปิยสวัสดิ์ก็มาหาว่าเป็นการเห่าหอนข้างนอก ทั้งที่ตนพูดบนเวที คนอยู่ขวามือคือหลวงปู่พุทธะอิสระไม่ได้พูดข้างนอก
นายอิฐบูรณ์บอกว่า ปตท.ตอบยังไม่ครบถ้วน กรณีการแยกท่อก๊าซ ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาชัดว่าการแปรรูปไม่ชอบด้วยกฏหมาย แต่กลัวว่าจะมีปัญหาอย่างมาก จึงให้เพียงแค่แยกท่อก๊าซ แต่ ปตท.กลับไม่ได้แยกท่อในทะเล ซ้ำฝั่งภาครัฐยังไปให้ตีราคาด้วย คำถามก็คือ ปตท.มีสิทธิ์อะไรให้ดำเนินการเอาท่อก๊าซมาหาประโยชน์จากประชาชน
ด้าน ม.ล.กรณ์กสิวัฒน์กล่าวว่า ไม่ว่าจะถามอะไรเขาก็จะตอบในแบบของเขา มันยังมีหลายประเด็นที่ค้างคาใจ และไม่ได้พูดถึง อย่างการจัดสรรก๊าซตนก็ยังไม่ได้อธิบายก็ถูกตัดบท ที่เขาอ้างว่ามีการจ้างงาน 1 แสนคนก็เพื่อธุรกิจของเขา แต่คน 65 ล้านคนกลับไม่นึกถึง ตนไม่เห็นมีผู้มีอำนาจพูดถึงทรัพยากรเป็นของประชาชนเลย มีแต่เรื่องธุรกิจอย่างเดียว
พญ.กมลพรรณบอกว่า ตนกำลังจะขอหลักฐานกระทรวงพลังงานว่าอะไรเป็นสิ่งบ่งบอกว่าพลังงานจะหมดไปใน 8 ปี ตนเตรียมข้อมูลมาไม่ได้พูดเลย
ม.ล.กรณ์กสิวัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่จะเปิดสัมปทานใหม่ทั้งๆ ที่เพิ่งเจาะไปไม่เท่าไหร่ แถมยังขู่จะขึ้นค่าไฟ ส่วนการเปิดประมูลไม่เคยมีการเปิดเผยตัวเลขผลประโยชน์เลย จะทำให้รู้สึกไม่โปร่งใสหรือไม่ ส่วนที่บอกว่าจะเปิดสัมปทานรอบที่ 21 แล้วบอกว่าถ้าไม่ทำแล้วจะสูญเงิน 2 แสนล้านบาทนั้นก็ยังไม่ได้มีการเปิดประมูลเลยจะรู้ได้อย่างไร แถมยังใช้วิธีการนำจุดที่หมดสัมปทานมารวมเปิดใหม่อีกด้วย ตนเห็นว่า ต้องถึงเวลาที่จะคืนกรรมสิทธิ์สัมปทานมาแก่เรา
นายปานเทพกล่าวว่า การที่พวกตนมานั่งแถลงข่าวทั้งๆ ที่ยังมีการเปิดเวทีอยู่ เพราะบนเวทีกลับไม่ได้ให้ชี้แจงเลย ตนจึงต้องใช้ช่องทางนี้ในการถ่ายทอดสดคำชี้แจงจากภาคประชาชน