โฆษกกลาโหม แถลงผลประชุมกระทรวงความมั่นคง สั่งจัดตั้งศูนย์แก้ปัญหาแบบบูรณาการ 4 ก. ไว้ที่ กห. ให้ “ประวิตร” เป็น ผอ. ประเมินงานทุก 3 เดือน บี้ สตช. ลดเหตุอาชญากรรม ให้ราชการสำรวจและทราบปมเหลื่อมล้ำ ผ่านศูนย์ดำรงธรรม ขอปราบยาเสพติดจริงจัง เร่งติด วงจรปิด 283 แห่งทั่วกรุงใน 2 เดือน ด้าน “วินธัย” เผย “ประยุทธ์” ชมนำค่านิยม 12 ประการไปท่องอาขยาน
วันนี้ (19 ก.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 11.30 น. พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวภายหลังการประชุมหน่วยงานความมั่นคง ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานในการประชุม โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานข่าวกรอง กรมประชาสัมพันธ์ กองอำนวยรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ตัวแทนผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดย พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบาย โดยให้น้อมนำพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม ในเรื่องของความมั่นคง ที่ระบุว่า งานด้านความมั่นคงเป็นเรื่องของทุกส่วนราชการ ไม่ใช่เฉพาะทหาร หรือ ตำรวจ แต่เป็นเรื่อของประชาชนทุกคน ทุกภาคส่วนที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วม
พ.อ.คงชีพ กล่าวอีกว่า สำหรับการทำงานในเรื่องของความมั่นคงมีแอ็กชันแพลนในการดำเนินการ โดยการจัดตั้งศูนย์การแก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ จาก 4 กระทรวงหลัก และ 1 กรม ไว้ที่กระทรวงกลาโหม โดยมีพล.อ.ประวิตร เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ ทำหน้าที่แบบ “วันสตอปเซอร์วิส” ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในส่วนของการปฏิบัติการวิเคราะห์ การเสนอแนะการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในระดับนโยบาย โดยจะเปิดทำการตลอด 24 ชม. และคาดว่าจะเริ่มทำงานได้ในสัปดาห์หน้า เพื่อเน้นความรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ โดยยึดตาม โรดแมปของ คสช. และรัฐบาลเป็นหลัก พร้อมทั้งจะมีการประเมินผลงานทุกๆ 3 เดือน ส่วนในเรื่องการปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมของคนไทยตลอดไป สำหรับการเสริมสร้างงานด้านความมั่นคง ให้สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในชาติ สร้างสภาวะแวดล้อม ที่ปลอดภัย ให้กับชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชน ทั้งความเป็นอยู่และการสัญจรไปมา
พ.อ.คงชีพ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการป้องกันการก่ออาชญากรรม พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำ กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน ลดปัญหาอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้น พร้อมลดความขัดแย้งความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งทุกส่วนราชการจะต้องไปสำรวจและ รับทราบปัญหา อย่างจริงจัง โดยผ่านศูนย์ดำรงธรรม ทีได้จัดตั้งไว้ ในแต่ละพื้นที่ ที่ประชาชนเสนอปัญหาเข้ามา และให้ไปดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว นอกจากนี้ ในเรื่องการสร้างความปรองดองของในชาติ ขอให้หน่วยงานราชการปฏิบัติงานให้เกิดความเป็นธรรม สร้างความศรัทธา สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับประชาชน ในส่วนของกระทรวงกลาโหมเอง จะเน้นในเรื่องของการเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพ เพื่อให้เพียงพอและพร้อมป้องกันประเทศ ในส่วนของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ต่างๆ ต้องทันสมัย มีการปรับปรุงโครงสร้างการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนงานด้านชายแดนขอให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ทำงานอย่างใกล้ชิดกัน เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องแรงงานต่างด้าวที่เข้าทำงานอย่างผิดกฎหมาย ให้ใช้ศูนย์ วันสตอปเซอร์วิส ในการดำเนินการ
พ.อ.คงชีพ กล่าวว่า ในเรื่องของการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ขอให้ดำเนินการอย่างจริงจัง และเกิดรูปธรรม เช่นเดียวกับการตัดไม้ทำลายป่า ต้องมีการบูรณาการอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ ที่ลงไปปฏิบัติงานเกี่ยวกับความมั่นคงให้ยึดหลักความโปร่งใส เป็นธรรม และให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ในส่วนของต่างประเทศ การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนนั้น ต้องมีการทำงานร่วมกัน โดยให้ประชาชนเล็งเห็นถึงประโยชน์ถึงการมีส่วนร่วม เพื่อผลักดันเข้าสู่ประชาคมอาเซียน รวมถึงการชี้แจงให้เห็นความสำคัญ และการสร้างความเข้าใจ การรับรู้ตลอดจนการสนับสนุนจากประชาชน เพื่อคลับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาของชาติ ที่มุ่งเน้นประโยชน์เพื่อส่วนรวม
พ.อ.คงชีพ กล่าวว่า นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังแสดงความห่วงใยถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กทม. สตช. การไฟฟ้า เพื่อหารือและดำเนินการติดตั้งกล้อง ซีซีทีวี เพิ่มแสงสว่างให้คลอบคลุมพื้นที่กทม. เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน โดยจะเน้นการป้องกันมากกว่าการแก้ไข โดยเตรียมที่จะติดตั้งกล้อง ซีซีทีวี 283 จุดทั่วประเทศ ภายในเวลา 2 เดือน ทั้งนี้ ต้องมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บชน. ในการเลือกพื้นที่ที่จะติดตั้งกล้อง ในส่วนของงบประมาณก็ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว สำหรับในพื้นที่ท่องเที่ยว และเศรษฐกิจนั้น จะพิจารณาตามความเร่งด่วน ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมโดย เฉพาะสื่อมวลชนจะต้องมีความเข้าใจ และประชาชนจะต้องให้ข้อมูลกับรัฐ ช่วยเป็นหูเป็นตา ไม่เพิกเฉย เพราะเรื่องความมั่นคงของประเทศต้องเดินไปด้วยกันระหว่างประชาชน กับรัฐบาล
พ.อ.คงชีพ กล่าวอีกว่า ยอมรับว่า กรณีที่เกิดเหตุการณ์ ฆ่านักเที่ยว 2 รายที่เกาะเต่า ถือเป็นต้นเหตุที่ทำให้หน่วยงานความมั่นคงจะต้องเร่งรัด เรื่องการรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ อย่างไรก็ตามต้องเร่งให้ความเป็นธรรมและให้เกิดความโปร่งใส
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารบก รู้สึกชื่นชมกรณีที่มีบุคคล ได้นำนโยบายค่านิยมคนไทย 12 ประการ ที่ทาง คสช. ได้เสนอให้ไว้กับสังคม มาปรับเป็นกลอนเพื่อให้ง่ายและสะดวกในการจดจำปลูกฝังซึมซับให้กับคนไทย ในภาพรวมขณะนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะสังคมส่วนใหญ่มีความตื่นตัวกับสิ่งนี้ ด้วยมีผู้ปรารถนาดีจำนวนมากได้หยิบยกไปขยายผลกันมากในวงกว้าง หน.คสช. คาดหวังว่าในอนาคตคนไทยทุกคนจะได้ยึดถือแนวทางนี้ไปเพิ่มเติมเสริมเป็นกรอบการดำเนินชีวิตในสังคม และสิ่งสำคัญที่อยากให้เกิดขึ้นมากกว่าการจดจำในเนื้อหา ก็คือการนำค่านิยมดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง