รองนายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม ถก 4 กระทรวงความมั่นคง บอกวางแนวทางป้องกันความปลอดภัย ขอคนทั้งประเทศช่วยกัน เตรียมเข้าร่วมประชุมต่างชาติ เผยไม่ได้กำหนดกรอบเวลาจับมือฆ่า 2 นักเที่ยวอังกฤษ เหตุยังไม่รู้ตัวคนร้าย
วันนี้ (19 ก.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประชุม 4 กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.ศิริชัย ดิศฐกุล เสนาธิการทหารบก พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวาณิชย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง เสนาธิการทหารอากาศ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.อ.ประวิตร กล่าวก่อนการประชุมว่า เป็นการวางแนวทางด้านความมั่นคง เน้นการป้องกันเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนและความมั่นคงของประเทศ ถ้าสิ่งใดที่เกิดปัญหาไปแล้วต้องรีบแก้ไขนำตัวคนร้ายมาให้ได้ ทั้งนี้ เรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องที่ต้องหารือในชั้นของความลับ ต้องหารือเป็นรายบุคคล และจะต้องทำความเข้าใจ และประสานงานกับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ทั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องของเจ้าหน้าเพียงอย่างเดียว แต่คนทั้งประเทศต้องช่วยกัน เพราะเหตุการณ์ด้านความมั่นคงมีหลายรูปแบบ ต้องหามาตราการในการป้องกันให้ได้ ขอให้มั่นใจจะทำให้ดีที่สุด เราจะวางโรดแมปในการดำเนินงาน และประเมินงานทุก 3 เดือน ว่าจะได้ผลอย่างไร เพราะรัฐบาลชุดนี้อยู่เพียง 1 ปี ก็จะทำให้ดีที่สุด ทั้งในส่วนของการปฏิรูปประเทศ ในฐานะที่ตนรับผิดชอบงานความมั่นคง จะพยายามประสานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนให้ครอบคลุมในการทำงานทุกๆ ด้านของประเทศ
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงการสานสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน คงจะมีการพบปะหารือในที่ประชุมรัฐมนตรีกลาโหม ที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ สำหรับบริเวณตามแนวชายแดน หน่วยงานในพื้นต้องประสานงานกัน
ต่อมา เมื่อเวลา 12.00 น. พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายในคดีสังหารโหด 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ว่า การดำเนินการในการจับกุมคนร้ายนั้นเราไม่ได้กำหนดกรอบเวลา เพราะเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเต็มที่ในการหาหลักฐานต่างๆ และนำผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน เพราะขณะนี้ยังไม่รู้ตัวคนร้ายที่ชัดเจน ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามที่จะใช้วิธีทางนิติวิทยาศาสตร์เข้าช่วยโดยการตรวจดีเอ็นเอ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไม่ได้ปล่อยปละละเลย
